เอเจนซี/เอเอฟพี - ผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย ตลอดจนภาคธุรกิจเข้าพบหารือกัน ได้กรอบความตกลงเรื่องลดอาวุธนิวเคลียร์ การใช้น่านฟ้า รวมทั้งสานสัมพันธ์กันอย่างสร้างสรรค์ โอบามา ระบุ สหรัฐฯ-รัสเซีย ไม่ได้ถูกชะตากำหนดให้เป็นศัตรูกัน
ผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซีย เห็นชอบในกรอบความตกลงเบื้องต้น เพื่อลดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ระหว่างกันเหลือฝ่ายละ 1,500-1,675 หัวแล้ว ขณะที่ประธานาธิบดีรัสเซีย เปิดไฟเขียวให้กองทัพสหรัฐฯ ใช้น่านฟ้าทำสงครามกวาดล้างตอลีบานในอัฟกานิสถาน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ส่วนบริษัทสหรัฐฯ หลายแห่งประกาศลงทุนในรัสเซียอีก 52,500 ล้านบาท ระหว่างการเยือนรัสเซียของโอบามา
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี ดมิตริ เมดเดเวฟ แห่งรัสเซีย เห็นชอบในกรอบความตกลงเบื้องต้นเพื่อลดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ระหว่างกันแล้ว เมื่อวันจันทร์ (6) โดยในกรอบดังกล่าวระบุว่าภายในระยะเวลา 7 ปีจากนี้ สหรัฐฯ และรัสเซียมีพันธะที่ต้องลดหัวรบนิวเคลียร์ให้เหลือฝ่ายละ 1,500-1,675 หัว ซึ่งลดมากกว่าข้อเสนอเบื้องต้นในปี 2002 ที่ให้ลดเหลือฝ่ายละ1,700-2,200 หัวรบ ภายในปี 2012
การบรรลุความเห็นชอบในกรอบความตกลงเบื้องต้นฉบับนี้ มีขึ้นที่พระราชวังเครมลิน ในกรุงมอสโกหลังจากโอบามาและเมดเวเดฟหารือร่วมกันประมาณ 3 ชั่วโมงในวันจันทร์ (6) โดยคาดว่า น่าจะนำไปสู่การบังคับใช้แทนสนธิสัญญาลดอาวุธยุทธศาสตร์ หรือ “สตาร์ท” ซึ่งสหรัฐฯและรัสเซีย ทำกันตั้งแต่ปี 1991 และจะหมดอายุในวันที่ 5 ธันวาคม
เมดเดเวฟ กล่าวว่า การหารือกับโอบามาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ พร้อมย้ำว่า รัสเซียต้องการร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงให้กับโลกในศตวรรษที่ 21 อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซียยอมรับว่าเขาและโอบามายังคงมีความเห็นต่างกันบางเรื่อง โดยเฉพาะจุดยืนในโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ และอนาคตของสาธารณรัฐจอร์เจีย
ด้าน โอบามา ซึ่งเดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกนับแต่เข้ารับตำแหน่ง ระบุว่า สหรัฐฯ และรัสเซียจะปล่อยให้ความคลางแคลงใจและการแข่งขันกันเป็นเรื่องในอดีต โดยจากนี้ทั้ง 2 ฝ่ายจะสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
นอกจากนั้น เมดเวเดฟ ยังลงนามในข้อตกลงอนุญาตให้เครื่องบินกองทัพสหรัฐฯ สามารถลำเลียงทหารและอาวุธ ผ่านน่านฟ้าของรัสเซียเพื่อไปทำสงครามในอัฟกานิสถานได้ 4,500 เที่ยวต่อปีโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นท่าทีที่ผู้นำสหรัฐฯ ยกย่อง ว่า เป็นความจริงใจของรัสเซียที่ต้องการช่วยสหรัฐฯ ทำสงครามกวาดล้างกลุ่มตอลิบาน
ขณะเดียวกัน วันนี้(7) ผู้นำสหรัฐฯได้เดินทางไปพบกับอดีตประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ที่บ้านพักของปูตินในเมืองโนโว โอกาเรโว นอกกรุงมอสโก โดยได้กล่าวชื่นชมผลงานของปูตินที่ทำไว้ทั้งในฐานะประธานาธิบดี และในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า การพบกับปูตินเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
หลังจากโอบามา พบกับ ปูติน แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ก็ได้เดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “ ประชาธิปไตย เศรษฐกิจโลก และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย” ณ มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งกรุงมอสโก โดย โอบามา ระบุว่า ชาวอเมริกันและรัสเซียต่างไม่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันกันสะสมอาวุธนิวเคลียร์ และทั้ง 2 ประเทศควรร่วมมือกันยับยั้งความเหิมเกริมของเกาหลีเหนือที่พยายามสถาปนาตัวเองเป็นชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ และควรหาทางไม่ให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน
โอบามา ยังย้ำว่า หากสหรัฐฯ และรัสเซีย ไม่ร่วมมือกันก็จะทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องแบกรับภาระในการรักษาความสงบสุขของโลกโดยลำพัง และกฎหมายระหว่างประเทศจะขาดความน่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ในระหว่างที่โอบามาเดินทางเยือนรัสเซียเป็นเวลา 2 วันนี้ บรรดา บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายแห่งได้ประกาศลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 52,500 ล้านบาท
โดยบริษัท จอห์น เดียร์ ผู้ผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรจะลงทุนในรัสเซีย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเวลา 6 ปีนับจากนี้ ขณะที่เป๊ปซี่โคยักษ์ใหญ่ด้านน้ำอัดลมก็ประกาศจะเพิ่มการลงทุนในรัสเซียเพิ่มจาก 3,000 ล้านดอลลาร์เป็น 4,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 3 ปี
ส่วนบริษัท โบอิ้ง เตรียมประกาศร่วมลงทุนกับวีเอสเอ็มพีโอ-อะวิสมา ผู้ผลิตแร่ไททาเนียมรายใหญ่ที่สุดในโลกของรัสเซีย แอนดรูว์ โซเมอร์ส ประธานหอการค้าอเมริกันในรัสเซียเปิดเผยว่า หากการเยือนรัสเซียของโอบามาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ก็เป็นไปได้ที่จะเห็นบริษัทอเมริกันเข้ามาลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้น และหวังว่า ประธานาธิบดี เมดเวเดฟ จะเร่งปรับปรุงกฎหมายรัสเซียให้เอื้อต่อการลงทุนมากขึ้นเพราะที่ผ่านมากฎหมายด้านการลงทุนและภาษีของรัสเซีย ถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลงทุนของบริษัทอเมริกัน