xs
xsm
sm
md
lg

"เฟด"คงดอกเบี้ย-รับซื้อตราสารหนี้ไว้ตามเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ในระดับต่ำ
เอเจนซี- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงเมื่อวันพุธ(24)ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วัน ว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ในระดับต่ำเตี้ยติดดิน อีกทั้งจะยังเดินหน้าโครงการรับซื้อตราสารหนี้รัฐบาลและตราสารสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นปริมาณมากมายมหาศาลต่อไป เนื่องจากต้องการทำให้ต้นทุนกู้ยืมอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งกระตุ้นการฟื้นตัว ขณะเดียวกันก็ชี้ด้วยว่าเห็นสัญญาณที่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังชะลอลงแล้ว

เฟดรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย "เฟดฟันด์เรต" เอาไว้ในระดับ 0 - 0.25% ต่อไป และส่งสัญญาณด้วยว่าความกังวลเรื่องภาวะเงินฝืดไม่น่ากลัวในขณะนี้ ทั้งนี้ภาวะเงินฝืดเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็เป็นห่วง โดยในช่วงที่เกิดภาวะเงินฝืดนั้น ราคาสินค้าจะลดลงอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ประชาชนและธุรกิจต่าง ๆเลื่อนการซื้อสินค้าออกไปเพราะคาดว่าในอนาคตราคาจะถูกลงกว่าเดิม แล้วการไม่จับจ่ายใช้สอยก็จะดึงให้เศรษฐกิจหมุนวนย่ำแย่ลงยิ่งกว่าเดิมเรื่อยๆ

ธนาคารกลางสหรัฐฯยังชี้ด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อจะ "ยังคงอยู่ในสภาพอ่อนตัวลงไปอีกระยะหนึ่ง" และก็มิได้แย้มพรายว่าจะทำอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับออกจากบรรดานโยบายการเงินในเวลานี้ ซึ่งมีลักษณะผ่อนคลายอย่างมาก ถึงแม้พวกนักลงทุนจะแสดงความกังวลว่า การอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมโหฬารนานเกินไป จะทำให้ราคาสินค้า--ซึ่งก็คืออัตราเงินเฟ้อ พุ่งทะยานขึ้น

"ข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับมานับแต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในเดือนเมษายน ทำให้เห็นว่าความเร็วในการหดตัวของเศรษฐกิจกำลังชะลอลงแล้ว" เฟดกล่าวในคำแถลงนโยบายภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วัน พร้อมกับระบุว่า "สภาพการณ์ของตลาดการเงินกำลังกระเตื้องขึ้นโดยทั่วไปในช่วงเดือนหลัง ๆ มานี้"

เฟดบอกว่า เฟดฟันด์เรตที่เป็นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคารชั่วข้ามคืน ซึ่งยังอยู่ที่ 0-0.25% มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว น่าจะอยู่ระดับต่ำสุดๆ ผิดปกติเช่นนี้กันไปอีกระยะหนึ่ง
แต่เฟดก็เตือนด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯยังจะคงอ่อนแอไปอีก ปรากฏว่าคำเตือนเช่นนี้ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดฮวบในตอนปิดวันพุธ ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐฯขยับแข็งขึ้นต่อไปอีกเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเยนญี่ปุ่น แต่ราคาตราสารหนี้ของรัฐบาลอเมริกันลดลง จากความผิดหวังที่เฟดไม่ได้ประกาศจะเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรกระทรวงการคลังมากกว่าเดิม

ขณะที่พวกนักเศรษฐศาสตร์พากันกล่าวว่า ทิศทางภาพรวมทางเศรษฐกิจตามมุมมองของเฟดเช่นนี้ น่าจะหมายความว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับนี้ไปอย่างน้อยจนถึงปี 2010

"มีความเป็นไปได้สูงมากที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเอาไว้ใน
ระดับแทบจะเป็น 0% จนกว่าปริมาณของ "ความเฉื่อยเนือย" ทางเศรษฐกิจ ... จะลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนี่หมายความว่าดอกเบี้ยระยะสั้นไม่น่าที่จะขึ้นไปในช่วงเร็วๆ นี้หรอก" ไมเคิล ดาร์ดา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ เอ็มเคเอ็ม พาร์ทเนอร์สในเมืองกรีนนิช มลรัฐคอนเนตทิคัต เขียนไว้ในจดหมายข่าวส่งถึงลูกค้า

จากการที่รอยเตอร์ทำการสำรวจความคิดเห็นของ 15 ดีลเลอร์หลักที่ทำการซื้อขายในตลาดการเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ปรากฏว่ามีอยู่ 9 รายเห็นว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2010 อีก 6 แห่งเห็นว่าธนาคารกลางจะเพิ่มดอกเบี้ยในปี 2011

ในสภาพที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายเฟดฟันด์เรตอยู่ที่ระดับใกล้ๆ 0% มาหลายเดือนแล้ว จึงไม่สามารถที่จะขยับลงไปได้มากกว่านี้ และเฟดซึ่งยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมในสหรัฐฯลดต่ำลงต่อไป จึงต้องหันมาทุ่มความสนใจไปที่การทำให้มีปริมาณสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในตลาด โดยประกาศรับซื้อตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯด้วย

ในคำแถลงของเฟดคราวนี้ได้กล่าวว่า จะยังคงมูลค่าการรับซื้อหลักทรัพย์ที่อิงกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยราว 1.45 ล้านล้านดอลลาร์ และรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาว 300,000 ล้านดอลลาร์

จากการที่คำแถลงของเฟดไม่ได้พูดถึง "ยุทธศาสตร์ทางออก" (exit strategy) ซึ่งหมายถึงการกำหนดมาตรการที่จะดำเนินการ เพื่อให้การเลิกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจประการต่างๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจทำท่าเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว เป็นไปได้อย่างราบรื่นและไม่สร้างปัญหาอย่างเช่นภาวะเงินเฟ้อตามมา

พวกนักวิเคราะห์อย่างเช่น ไมเคิล เฟอโรลี นักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกนเชส พยายามอธิบายเอาไว้ในจดหมายข่าวถึงลูกค้าว่า เป็นการฉลาดแล้วที่คำแถลงหลีกเลี่ยงไม่ระบุถึงการอภิปรายต่างๆ ในเรื่องยุทธศาสตร์ทางออก เพราะพูดแล้วก็อาจจะทำให้ตลาดรู้สึกสับสน แต่กระนั้นเฟดก็ดูเหมือนจะกำลังส่งสัญญาณว่า ถอยห่างออกมาเล็กน้อยจากการสนับสนุนนโยบายกระตุ้นพิเศษยามฉุกเฉินทั้งหลาย

โดยที่ในคำแถลงล่าสุดมีความแตกต่างจากคำแถลงก่อนๆ หน้านี้ ตรงที่ได้ตัดถ้อยคำที่ว่า "โครงการเพิ่มสภาพคล่องทั้งหลาย" ออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น