เอเจนซี - จนถึงขณะนี้ยังไม่พบร่องรอยของเครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ ทำให้เชื่อว่า เครื่องบินพร้อมกับผู้โดยสารทั้งหมด 228 ชีวิต น่าจะตกลงในมหาสมุทรแอตแลนติกแล้ว ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย
รัฐบาลบราซิล และฝรั่งเศส ได้ส่งเครื่องบินและเรือของกองทัพออกไปค้นหาในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ซึ่งเครื่องบินแอร์บัสเอ 330 อาจจะตกลงไป เจ้าหน้าที่เผยว่า จะทำการค้นหาไปจนอย่างน้อยที่สุดถึงเที่ยงคืนวันนี้ (2) ด้วยความช่วยเหลือของรัฐบาลสเปน และภาพถ่ายดาวเทียมของทางการสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม บรรดาเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เชื่อว่า มีโอกาสน้อยมากที่จะพบผู้รอดชีวิต ซึ่งอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงที่สุดของประวัติศาสตร์แอร์ฟรานซ์ และเลวร้ายที่สุดของการบินพลเรือนในรอบกว่า 1 ทศวรรษ
แอร์ฟรานซ์ เผยว่า เครื่องบินลำดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสาร 216 คน รวม 32 สัญชาติ รวมเด็ก 7 คน ทารก 1 คน โดย 61 ราย เป็นชาวฝรั่งเศส 58 ราย เป็นชาวบราซิล และ 26 ราย เป็นชาวเยอรมัน ขณะที่มีลูกเรืออีก 12 คน อยู่ประจำการบนเครื่องด้วย
เแอร์ฟรานซ์ เผยว่า เครื่องบินไอพ่นลำนี้เผชิญกับพายุและสภาพอากาศที่เลวร้าย 4 ชั่วโมง หลังจากทะยานออกจากสนามบินในกรุงริโอ เดจาเนโร และ 15 นาทีจากนั้นก็ได้ส่งข้อความอัตโนมัติรายงานว่า พบปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร แต่ไม่มีสัญญาณที่ลูกเรือส่งเพื่อความช่วยเหลือหรือส่งสัญญาณบ่งบอกถึงสถานการณ์ฉุกเฉินตามข้อปฏิบัติตามปกติในกรณีที่เครื่องตก
แอร์ฟรานซ์ ระบุว่า ฟ้าผ่าอาจเป็นสาเหตุของเครื่องตก อย่างไรก็ตาม อิซาแบล ไบเรม ผู้อำนวยการทั่วไปของแอร์ฟรานซ์ในบราซิล กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าอะไรเกิดขึ้นและอะไรเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ โดยต้องรอผลตรวจสอบกล่องดำเสียก่อน
ด้านผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า แค่โดนฟ้าผ่าอย่างเดียวไม่น่าจะอธิบายหายนะครั้งนี้ได้ โดยผู้เชียวชาญ ระบุว่า เครื่องบินอาจจะพบกับปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลทำให้นักบิน “มองไม่เห็น” และทำให้สถานการณ์แย่ลงในพื้นที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องสภาพอากาศเลวร้าย ขณะที่ ฌอง หลุยส์ บอร์ลู รัฐมนตรีฝรั่งเศส ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการจี้เครื่องบิน
ด้านบรรดาญาติของผู้โดยสารต่างรีบไปเสาะถามข่าวคราวในกรุงปารีส ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พาไปยังห้องส่วนตัวให้จิตแพทย์ช่วยเหลือ ขณะที่กรุงริโอ เดจาเนโร ญาติๆ ก็ไปถามข่าวคราวที่สนามบินเช่นเดียวกัน
วาซตี เอสเตอร์ สลุยจส์ วัย 70 ปี เผยว่า เธอได้เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เพื่อไปพบอเดรียนา บุตรสาววัย 40 ปี ที่สนามบิน ขณะที่ตารางเที่ยวบินรายงานว่าเครื่องดีเลย์หลายชั่วโมง “ก่อนจะขึ้นเครื่อง ลูกได้โทร.มาหาฉันถามว่าอยู่ที่ไหน ฉันมีเวลาแค่บอกเธอไปว่า เธอเป็นลูกสาวที่ดีที่สุดในโลก” เธอกล่าว และยังแสดงความหวังว่าลูกสาวจะมีชีวิตรอด
ทั้งนี้ หนึ่งในชาวบราซิลที่อยู่บนเครื่อง คือ เปโดร หลุยส์ เดอ ออร์เลอองส์ เอ บรากันกา ทายาทโดยตรงของ ดอม เปโดร ที่ 2 จักรพรรดิองค์สุดท้ายของบราซิล จากการเปิดเผยของสำนักพระราชวัง ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของมิชลิน และผู้บริหารในบราซิลของบริษัทผลิตเหล็กกล้าทิสเซนครัปป์ สัญชาติเยอรมัน ก็อยู่บนเครื่องลำนี้ด้วย
แอร์ฟรานซ์ เผยด้วยว่า เครื่องบินลำนี้ใช้เครื่องยนต์ระบบไฟฟ้าของเจเนอรัล อิเล็กทริก มีชั่วโมงบิน 18,870 ชั่วโมง และเริ่มให้บริการในเดือนเมษายน 2005 เพิ่งผ่านการซ่อมบำรุงล่าสุดในเดือนเมษายนทีผ่านมานี้ และนักบินก็เป็นนักบินที่มีประสบการณ์สูง