เอเอฟพี - เครื่องบินกู้ภัยบินส่องไฟค้นหาเครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ พร้อมผู้โดยสาร 228 คน ที่หายไปจากจอเรดาร์อย่างไร้ร่องรอยหลังเจอพายุเกรี้ยวกราดเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันจันทร์ (1) ขณะที่ประธานาธิบดีซาร์โกซีแห่งฝรั่งเศส ยอมรับโอกาสพบผู้รอดชีวิตมีน้อยมาก
“โอกาสพบผู้รอดชีวิตมีน้อยมาก” ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี กล่าวหลังจากพูดคุยกับญาติๆผู้โดยสารที่อยู่ในอาการช็อก “มันคือหายนะที่สายการบินแอร์ฟรานซ์ไม่เคยประสบมาก่อน”
สายการบินแอร์ฟรานซ์ เปิดเผยว่า เครื่องบินแอร์บัสเอ 330 ซึ่งออกเดินทางจากเมืองริโอ เด จาไนโร ในบราซิล มุ่งหน้ามายังกรุงปารีสของฝรั่งเศส โดยมีผู้โดยสารบนเครื่อง 216 คน และลูกเรืออีก 12 คน อาจถูกฟ้าผ่าก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าดูเหมือนนี่อาจเป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้เครื่องเกิดเสียการควบคุม
หากเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดหมาย นั่นเท่ากับว่าผู้โดยสาร 228 คนบนเที่ยวบินเอเอฟ447 เสียชีวิตทั้งหมด และเหตุการณ์นี้จะกลายเป็นหายนะครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ และเป็นอุบัติเหตุอันเลวร้ายที่สุดของการบินพลเรือนในรอบกว่า 1 ทศวรรษ
กองทัพอากาศบราซิล สเปน และฝรั่งเศส ส่งเครื่องบินค้นหาตามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลระหว่างบราซิลและแอฟริกา ขณะเดียวกันทางปารีสได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ใช้ดาวเทียมสอดแนมเข้าช่วย
ปิแอร์ อองรี กูร์เกยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินแอร์ฟรานซ์ออกมายอมรับว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เครื่องบินลำดังกล่าวจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทางอากาศแล้ว พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าเครื่องบินลำที่หายไปเป็นเครื่องบินเก่า โดยยืนยันว่าเครื่องบินลำนี้เพิ่งใช้งานมาเพียง 4 ปีเท่านั้น
ณ ท่าอากาศยานชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส บรรดาญาติของผู้ประสบเหตุต่างรอคอยฟังข่าวคราวความคืบหน้าด้วยน้ำตาและมีนักจิตวิทยาคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด
“แอร์ฟรานซ์ของแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ครอบครัวและเพื่อนๆของผู้โดยสารและลูกเรือที่อยู่บนเครื่องบินเที่ยวบินเอเอฟ 447” สายการบินระบุในเว็บไซต์ของบริษัท
ฌอง หลุยส์ บอร์โลรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมฝรั่งเศสออกมาให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ลำที่หายไปนี้อาจประสบอุบัติเหตุตกลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติกแล้ว และเชื่อว่าเครื่องบินลำดังกล่าวไม่น่าจะถูกจี้แต่อย่างใด
แอร์ฟรานซ์ระบุว่า ผู้โดยสาร 216 ในจำนวนนั้นเป็นชาย 126 คน ผู้หญิง 82 เด็ก 7 คน และทารก 1 คน ส่วนอีก 12 คนเป็นลูกเรือชาวฝรั่งเศส ทั้งนี้ ผู้โดยสารมาจาก 32 ประเทศ มากที่สุดคือฝรั่งเศส 61 ราย บราซิล 58 คน และเยอรมนี 26 คน
กูร์เกยง เปิดเผยต่อว่า เครื่องบินต้องเผชิญกับความผิดปกติของบรรยากาศในเวลาประมาณ 02.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 09.00 น.) 4 ชั่วโมงหลังออกเดินทางจากกรุงริโอ และ 14 นาทีต่อมาเครื่องบินลำดังกล่าวได้ส่งข้อความมายังศูนย์ควบคุมว่าเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร
“ความเป็นไปได้มากที่สุด คือ เครื่องบินอาจถูกฟ้าผ่า” ฟรองซัวส์ บรุสส์ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายการสื่อสารของสายการบินแอร์ฟรานซ์ออกมาเปิดเผย “เครื่องบินอยู่ในพื้นที่พายุซึ่งมีความผิดปกติของบรรยากาศอย่างรุนแรงที่สามารถกระตุ้นให้เกิดปัญหาได้”