xs
xsm
sm
md
lg

สิงคโปร์ไม่หยุดสร้าง “ย่านการเงิน” แห่งใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - สิงคโปร์กำลังทุ่มเทเงินทองนับหมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยกระดับย่านการเงินแห่งใหม่ให้กลายเป็นวอลล์สตรีทแห่งเอเชีย ซึ่งมีกลิ่นอายของลาสเวกัสผสมผสานด้วย ถึงแม้เศรษฐกิจของประเทศกำลังถดถอยอย่างรุนแรงสุดๆ

มารินา เบย์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่ดินที่เกิดจากการถมทะเล แสดงให้เห็นถึงความใฝ่ฝันของสิงคโปร์ที่จะขยายภาคการเงินของตนเองออกไป รวมทั้งต้องการจะดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนให้เข้ามาที่นี่มากขึ้น

รัฐบาลและบริษัทเอกชนสิงคโปร์ ได้ร่วมกันลงทุนเป็นเงินถึง 22,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (14,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 517,000 ล้านบาท) เพื่อทำให้พื้นที่ขนาด 360 เฮกตาร์ (ราว 2,250 ไร่) แห่งนี้ กลายเป็นศูนย์กลางด้านการเงินในภูมิภาคนี้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสิงคโปร์ก็กล่าวว่าเม็ดเงินใหม่จะถูกระดมเข้ามาอีกในไม่ช้านี้

มารินา เบย์ เป็นโครงการสร้างเขตใหม่ของเมืองที่รัฐบาลสิงคโปร์ฝันเอาไว้มานาน แผนการนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1969 เมื่อเริ่มมีการก่อสร้างเพื่อรองรับการขยายย่านการเงินเก่า ซึ่งอยู่ในเขตของเจ้าอาณานิคมอังกฤษแต่เดิม
.
“เราเริ่มเห็นความคืบหน้าจากสิ่งที่ทุ่มเทลงไปเมื่อหลายปีก่อน” หม่าโบวตัน รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาแห่งชาติ กล่าว

หนึ่งในบรรดาโครงการสำคัญๆ ของ มารินา เบย์ ย่อมได้แก่ กาสิโน คอมเพล็กซ์ ที่ได้รับความสนับสนุนทางการเงินถึง 7,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก เชลดอน อะเดลสัน มหาเศรษฐีผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการพนันซึ่งเป็นเจ้าของลาส เวกัส แซนด์ส

มารินา เบย์ แซนด์ส เป็นกาสิโน รีสอร์ตซึ่งคาดหมายว่าจะเปิดบริการได้ภายในสิ้นปีนี้ ในโครงการนอกจากสถานกาสิโนแล้ว จะประกอบด้วยโรงแรมขนาด 2,600 ห้อง ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง รวมทั้งสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ

ย่านธุรกิจใหม่นี้ยังสามารถดึงดูดความสนใจของลีกาชิง บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง โดยเขาเป็นหนึ่งในสามผู้ร่วมลงทุนในโครงการ มารินา เบย์ ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ โดยผ่าน บริษัทเฉิงคง โฮลดิงส์ ของเขา

มารินา เบย์ ไฟแนนเชียล เซ็นเตอร์ จะสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในปี 2012 โดยจะให้บริการเช่าออฟฟิศ “เกรดเอ” ในสามช่วงตึกที่ขนานไปกับชายน้ำ รวมทั้งมีอพาร์ตเมนต์หรูหราอีก 649 ห้อง ซึ่งออกแบบโดยวางพื้นฐานจากแนวคิด “ทำงาน-ใช้ชีวิต-รื่นรมย์”

ภายในกลางปีหน้า ทางเดินเท้าที่เชื่อมระหว่างจุดน่าสนใจต่างๆ รอบอ่าวมารีนาก็จะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เขตนี้ดึงดูดผู้คนมากขึ้น ในตอนนี้มีโครงการไม่น้อยที่เริ่มขึ้นแล้วในรอบๆอ่าว รวมทั้งคอนโดมิเนียมอาคารคู่สูง 70 ชั้นที่ใช้ชื่อว่า “เซล แอต มารินา เบย์”

ทางด้านธุรกิจบันเทิงและสันทนาการต่างๆ ก็เริ่มให้บริการไปแล้ว อย่างเช่น สิงคโปร์ ฟลายเออร์ ที่กล่าวกันว่า เป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเมื่อขึ้นไปแล้วก็จะเห็นย่านใจกลางเมืองทั้งหมด ในขณะที่ศูนย์การแสดงเอสพลานาด ก็จะมีการแสดงทั้งระดับโลก ระดับเอเชียและในประเทศผลัดเปลี่ยนกันมาตลอดทั้งปี

สำหรับผู้ที่ชอบธรรมชาติ สามารถไปยัง การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะสามแห่งที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อกัน โดยมีเนื้อที่รวมกันทั้งหมดถึง 101 เฮกตาร์ และจะเปิดให้บริการได้ในช่วงสิ้นปี 2011

“เมื่อดูจากโครงการทั้งหมดแล้ว ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับสิงคโปร์เป็นอย่างยิ่ง” ฉั่วหยางเหลียง หัวหน้าฝ่ายวิจัยของโจนส์ แลง ลาซาล ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์กล่าว

รัฐบาลสิงคโปร์ ลงทุนไปแล้วราว 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และก็คาดว่า จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปอีก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อทำถนน สะพาน และอื่นๆ ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า

นักวิเคราะห์บอกว่า แม้ว่าสิงคโปร์กำลังเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็ดูไม่มีอะไรที่จะหยุดโครงการที่อ่าวมารินาได้เลย
กำลังโหลดความคิดเห็น