เอเอฟพี / เอเจนซี - พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วใน 26 ประเทศ ขณะที่องค์การอนามัยโลกแจ้งยอดยืนยันผู้ติดเชื้อล่าสุดมี 2,371 รายแล้ว เตือน จะมีผู้ติดเชื้อ 2,000 ล้านคน หากหวัดพันธุ์ใหม่ลามทั่วโลก
** บราซิล-อาร์เจนตินากลายเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อ
โชเซ โกเมซ เทมโปเรา รัฐมนตรีสาธารณสุขของบราซิล แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อไข้ไวรัสหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นครั้งแรกของประเทศ จำนวน 4 ราย และพบผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้ออีก 24 คน
รัฐมนตรีสาธารณสุขบราซิล ระบุว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ลามเข้ามาถึงบราซิลแล้ว โดยในจำนวนชาวบราซิล 4 รายที่ติดเชื้อนั้น ปรากฏว่า มีจำนวน 3 คน ที่เดินทางกลับมาจากเม็กซิโก ขณะที่อีกรายเดินทางมาจากสหรัฐฯ
ขณะที่ในอาร์เจนตินา กราเซียลา โอกานา รัฐมนตรีสาธารณสุขออกมาแถลงยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นรายแรกของประเทศแล้วเช่นกัน โดยผู้ติดเชื้อเป็นชายชาวอาร์เจนตินาที่เพิ่งเดินทางกลับจากการไปท่องเที่ยวเม็กซิโก ซึ่งชายคนดังกล่าวยังมีสุขภาพแข็งแรงดี และไม่จำเป็นต้องเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่อย่างใด
การพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในบราซิลและอาร์เจนตินา ทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นประเทศที่ 25 และ 26 ของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อต่อจาก เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ อิตาลี อิสราเอล เอลซัลวาดอร์ เกาหลีใต้ โคลอมเบีย สวิตเซอร์แลนด์ คอสตาริกา ออสเตรีย เดนมาร์ก กัวเตมาลา ฮ่องกง ไอร์แลนด์เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส โปแลนด์ และสวีเดน
ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกที่ได้รับการยืนยันแล้วมีทั้งสิ้น2,371 ราย และมีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัยจากระดับ 5 เป็นระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดแต่อย่างใด
** อนามัยโลกเตือน จะมีผู้ติดเชื้อ 2,000 ล้านคน หากหวัดพันธุ์ใหม่ลามทั่วโลก
เคอิจิ ฟุกุดะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลกระบุว่าหากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไปทั่วโลก จะทำให้มีผู้ติดเชื้อมากถึง 2,000 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วโลก และการแพร่ระบาดอาจกินเวลายาวนานถึง 2 ปี
ฟุกุดะ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ ทางองค์การอนามัยโลกเอง ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลกหรือไม่ และยังคงไม่สามารถยืนยันได้เช่นกันว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเพียงใด หากมีการระบาดรอบใหม่
ขณะเดียวกัน หลุยส์ โกเมซ ซัมโบ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแอฟริกาได้ออกมาเปิดเผยที่กรุงแอดดิส อบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปียเมื่อวันพฤหัส (7) โดยระบุว่า โลกจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่ ถ้าหากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอช 1 เอ็น 1 ลุกลามเข้ามาแพร่ระบาดในทวีปแอฟริกาซึ่งถือเป็นทวีปที่ยากจนที่สุดในโลก
ซัมโบระบุว่า ประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อยู่ด้านใต้ของทะเลทรายซาฮาราลงไป จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากกว่าภูมิภาคอื่นใดในโลก เนื่องจากยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานของระบบในการควบคุมและป้องกันโรคระบาด และขาดทรัพยากรที่จำเป็นอยู่อีกมาก ดังจะเห็นได้จากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อเอชไอวี มาลาเรีย อีโบลา และเชื้อโรคร้ายแรงอีกหลายชนิดในภูมิภาคดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นแอฟริกายังเปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้ตรวจพบชาวแอฟริกาทั้งหมด 12 คนที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยในจำนวนนี้พบว่ามี 5 รายที่มีอาการต้องสงสัยมากที่สุด ได้แก่ ชาวเบนิน 1 ราย และชาวเซเชลส์ 4 รายซึ่งทั้งหมดถูกนำตัวมาตรวจหาเชื้อแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการรอผลตรวจอย่างเป็นทางการ
** พบเด็กญี่ปุ่นในชิคาโก ติดเชื้อหวัดพันธุ์ใหม่
กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น แถลงที่กรุงโตเกียวเมื่อวานนี้ (8) โดยระบุว่า พบเด็กชายชาวญี่ปุ่นวัย 6 ขวบ ที่อาศัยอยู่ในนครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยถือเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้
ฮิโรฟูมิ นากาโซเนะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงโตเกียวว่า เด็กชายคนดังกล่าวได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ สายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1 แล้ว
นากาโซเนะ ระบุว่า เด็กชายคนดังกล่าวหายป่วยแล้ว แต่ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดว่าเขาติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ญี่ปุ่นยังไม่มีการยืนยันพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศแต่อย่างใด
** ยอดติดเชื้อมะกันพุ่ง 896 รายแล้ว
ริชาร์ด เบสเซอร์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติ ของสหรัฐฯ หรือซีดีซี ออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสหรัฐฯ แล้ว896 ราย ใน 44 มลรัฐทั่วประเทศ ส่วนจำนวนผู้ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อในขณะนี้ได้เพิ่มเป็น 1,823 รายแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันพฤหัส (7) ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 642 รายใน 41 มลรัฐ ซึ่งเบสเซอร์ประเมินว่า ยังคงมีแนวโน้มที่จะพบผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโกจะสงบลงแล้วก็ตาม
** นักวิจัยสหรัฐฯ เผยวัคซีนหวัดพันธุ์ใหม่ใกล้เสร็จแล้ว
ทีมนักวิจัยสหรัฐฯ ที่กำลังเร่งพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คาดว่า วัคซีนตัวใหม่จะพร้อมทดลองกับหนู ภายในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
ศาสตราจารย์ ซูเรส มิททาล แห่งคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพอร์ดิว ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่า วัคซีนตัวใหม่นี้ พร้อมจะผลิตออกมาใช้อย่างเป็นทางการได้ภายในอีกไม่กี่เดือนนี้ แต่จะต้องทดลองกับหนูก่อน หลังจากที่นักวิจัยสหรัฐและคณะเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ ได้ร่วมกันพัฒนาวัคซีน โดยใช้วิธีการเดียวกับการสกัดกั้นการระบาดของเชื้อไวรัสเอช5 เอ็น1 หรือเชื้อไข้หวัดนก มาเป็นวัคซีนสำหรับควบคุมเชื้อเอช1 เอ็น1 ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วยการใช้ไวรัสไข้หวัดทั่วไปเป็นตัวนำยีนไวรัสเอช1 เอ็น1 ไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ และเซลล์คุ้มกันเพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส
** 3 ชาติชี้ควรยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อหมูได้แล้ว
สหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันพฤหัสบดี(7) เรียกร้องประเทศต่างๆ ยุติการดำเนินมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อหมูได้แล้ว
รอน เคิร์ก ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ พร้อมด้วย สต็อคเวลล์ เดย์ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา และเฆราร์โด รูอิซ มาเตโอส รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเม็กซิโกร่วมกันออกแถลงการณ์ที่มีใจความว่าสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโกขอคัดค้านต่อ “ข้อจำกัดที่ไม่ยุติธรรม” ของบางประเทศซึ่งได้สร้างความวุ่นวายให้กับการค้าหมูและผลิตภัณฑ์จากหมู โดยปราศจากเหตุผลอันชอบธรรม และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง
นอกจากนั้น ในแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ของทั้ง 3 ประเทศซึ่งล้วนเป็นสมาชิกของข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือหรือ “นาฟตา ” ยังระบุว่า ขอให้ประเทศคู่ค้าทุกประเทศทำการยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อหมูโดยทันที และทั้ง 3 ประเทศจะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะดำเนินทุกมาตรการเพื่อตอบโต้ความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้ มีประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำนวน 20 กว่าประเทศ รวมทั้ง รัสเซียและจีน ที่ประกาศห้ามนำเข้าเนื้อหมูและสุกรมีชีวิตจากสหรัฐฯ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัส ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009