เอเอฟพี - ราคาน้ำมันไลต์สวีตครูดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันพุธ (22) เหตุมีความหวังเพิ่มขึ้นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้สต๊อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดหมายไว้ ด้านวอลล์สตตรีท ปิดตัวในแดนลบหลังมอร์แกนสแตนลีย์ ขาดทุนมหาศาล ก่อความกังวลต่อภาคธนาคาร
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 30 เซ็นต์ ปิดที่ 48.85 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือของลอนดอน ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 49.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันขยับขึ้นสืบเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้น แม้รายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ จะระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้น 6 สัปดาห์ติดต่อกันในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 เมษายน
สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เวลานี้ สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้วถึง 17 เปอร์เซ็นต์ และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 1990
ทั้งนี้ คลังน้ำมันเบนซิน น้ำมันกลั่น ดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี ร่วงลงเมื่อวันพุธ(22) จากผลประกอบการติดลบของมอร์แกน สแตนลีย์ ที่ก่อความกังวลต่อภาคธนาคารและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง หลังธนาคารแห่งนี้ขาดทุนสองไตรมาสติดต่อกันและหั่นเงินปันผลลง
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 82.99 จุด (1.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,886.57 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.53 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 843.55 จุด ขณะที่ แนสแดก เพิ่มขึ้น 2.77 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,646.12 จุด
การซื้อขายในตลาดค่อนข้างผันผวน เหตุนักลงทุนเพ่งเล็งต่อการเปิดเผยผลประกอบการของหลายบริษัทโดยเฉพาะในภาคธนาคาร ทั้งนี้ แม้ว่าเวลล์ส ฟาร์โก จะทำได้เหนือความคาดหมายหลังทำกำไรเป็นสถิติในไตรมาสแรก ทว่ากลับมีความผิดหวังมาจากมอร์แกน สแตนลีย์ ที่ขาดทุนถึง 177 ล้านดอลลาร์