เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันพุธ (28) หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ เผย สต๊อกเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลง และคำพูดของเลขาธิการโอเปก ที่ระบุว่า ราคาที่แท้จริงควรอยู่เหนือกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ปิดที่ 42.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หลังจากดิ่งลง 9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อวันอังคาร (27) ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ของลอนดอน ดีดตัว 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (อีไอเอ) เปิดเผยข้อมูลคลังน้ำมันกลั่นลดลงถึง 1 ล้านบาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จากภาวะอากาศหนาวเล่นงานแถบนอร์ธอีสต์ของอเมริกา ชาติผู้บริโภคน้ำมันทำความร้อนรายใหญ่ที่สุดของโลก เช่นเดียวกับสต๊อกน้ำมันเบนซินที่ลดลงอย่างน่าประหลาดใจ 100,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตามคลังน้ำมันดิบกลับเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง 6.2 ล้านบาร์เรล
สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 44 ล้านบาร์เรลในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในรอบ 4 เดือนมากที่สุดตั้งแต่ปี 1990 เนื่องจากโรงกลั่นเลือกที่จะเก็บน้ำมันดิบเข้าสต๊อกมากกว่านำไปเข้าสู่หน่วยผลิต
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากคำกล่าวของเลขาธิการโอเปก นายอับดุลลาห์ อัล-บาดรี ที่ระบุ ณ ที่ประชุม “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” ในดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ว่า แม้แต่ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ยังถือว่าถูกเกินไปที่จะส่งเสริมการลงทุนด้านอุปทานใหม่ๆ พร้อมระบุว่า โอเปกจะสามารถลดกำลังผลิตได้เต็มจำนวนในช่วงสิ้นเดือนนี้