เอเอฟพี - เอเอฟพีรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทย โดยได้สัมภาษณ์ความเห็นจากไทยและเทศ ซึ่งชี้ว่า ไทยจะยังคงวุ่นวายไปอีกหลายปี ขณะที่มีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลทหารอาจจะก้าวขึ้นสู่อำนาจ
ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างกองกำลังความั่นคงและกลุ่มผู้ประท้วง นักวิเคราะห์ระบุว่าการขายหน้าจากการยกเลิกประชุมอาเซียนซัมมิตในเมืองพัทยาจะส่งผลทำให้มีการแตกแตกมากขึ้นเท่านั้น
"ซัมมิตครั้งนี้จะทำให้การแตกแยกร้าวลึกไปมากขึ้นในสังคมไทย ไทยจะถูกแบ่งแยกและไม่มีเสถียรภาพไปอีกหลายปี"สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ซึ่งเอเอฟพีระบุว่ามีชื่อเสียงมากกล่าว
"ใครก็อาจจะกลายเป็นผู้นำได้ในอนาคต แม้กระทั่งรัฐบาลทหาร" อาจารย์สมชายระบุ ขณะที่นักสังเกตการณ์มองว่า หากไม่มีการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้บ้านเมืองสงบแล้ว นักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติจะยิ่งหวาดกลัว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่อไปอีกขณะที่อยู่ในภาวะถดถอยอยู่แล้ว ซึ่งรังแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
"ข้อเท็จจริงที่ว่าการประชุมถูกเลื่อนนี้กำลังสร้างความขายหน้าแก่รัฐบาล" นายฐิตินันท์ พงษ์ สุทธิรักษ์ นักวิเคราะห์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าว
"มันแสดงให้โลกเห็นว่า เมื่อปีที่แล้วใม่ใช่ครั้งเดียว" นายฐิตินันท์กล่าว โดยอ้างถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ต่อต้านรัฐบาลในขณะนั้นจนนำมาสู่การปิดสนามบิน และเสริมว่า "ระบอบม็อบ"จะดำเนินต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ด้านนักวิเคราะห์อีกคนระบุว่า การปฏิรูประบบการเมืองไทยจากการครอบงำโดยระบบอุปถัมภ์ ผู้มีอำนาจในจังหวัดและจากเงาอิทธิพลจากชนชั้นนำเท่านั้น ที่จะสร้างสเถียรถาพอันถาวรให้แก่ประเทศไทยได้
"การเมืองในประเทศไทยไม่ใช่กิจการสาธารณะ แต่เป็นการแผ่ขยายครอบครัว และพวกพ้อง สิ่งนี้เป็นสิ่งปิดกั้นระบบทั้งหมด" ไมเคิล เนลสัน นักวิชาการในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าว
"และจากนั้นเราก็มีชนชั้นนำอื่น อย่างสภาองคมนตรี และกองทัพ และสิ่งที่พวกเขาทำอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่ใช่เพื่อสาธารณประโยชน์" นักวิชาการต่างชาติระบุ