เอเอฟพี – เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารฟิลิปปินส์ และกลุ่มกบฏมุสลิม ทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้มีสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง 20 คน และเจ้าหน้าที่ 7 นายเสียชีวิต ขณะที่กลุ่มกบฏกล่าวหากองทัพทำลายความหวังในการเจรจาเพื่อสันติภาพ
พันโทโจนาธาน พอนซ์ โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์เผยว่า กลุ่มกบฏแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร หรือเอ็มไอแอลเอฟ ราว 60 คน เปิดฉากโจมตีหน่วยลาดตระเวนรักษาความมั่นคง ในวันพฤหัสบดี (26) ที่ผ่านมา ใกล้เมืองมามาซาปาโน บนเกาะมินดาเนา ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง ที่ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย มีกำหนดเยือนราว 10 กิโลเมตร
โฆษกกองทัพเสริมว่า อาร์โรโยยังคงเดินทางเยือนพื้นที่ดังกล่าว โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง ในวันศุกร์ (27) ขณะที่การปะทะกันได้ขยายวงกว้างขึ้น จนทำให้มีกลุ่มเอ็มไอแอลเอฟ 20 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารอีก 7 คนเสียชีวิตในวันเดียวกัน
พอนซ์ระบุว่า ปฏิบัติการกวาดล้างยังคงดำเนินต่อไป โดยมีทหารได้รับบาดเจ็บอีก 5 นาย และได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
ด้านกลุ่มเอ็มไอแอลเอฟ อีด คาบาลู โฆษกของกลุ่มออกมายืนยันว่าเกิดเหตุปะทะกันจริง แต่กล่าวหาว่ากองทัพฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีชุมชนที่อยู่อาศัยของครอบครัวสมาชิกกลุ่มกบฏก่อน โดยแย้งว่ามีมือปืนของกลุ่มเสียชีวิตเพียง 2 คน ขณะที่กองทัพได้รับความเสียหายมากกว่าที่รายงาน
ยิ่งไปกว่านั้น คาบาลูยังกล่าวหาว่า กองทัพกำลังเล่นเกม และบ่อนทำลายความคาดหวังในการฟื้นการเจรจาสันติภาพกับทางรัฐบาล โดยการสร้างความปั่นป่วน
อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพชี้แจงว่า การโจมตีดังกล่าวนำโดยอาเมอริล อัมบราคาโต ผู้นำหัวรุนแรงของเอ็มไอแอลเอฟ ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ หลังจากก่อเหตุโจมตีนองเลือดหลายครั้งในชุมชนชาวคริสต์ บนเกาะมินดาเนา ในปีที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และยังทำให้คนย้ายถิ่นอีกราว 600,000 คน