เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันร่วงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์(20) ถูกฉุดรั้งจากความกังวลด้านเศรษฐกิจและดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะที่วอลล์สตรีทดิ่งลงกว่าร้อยจุดท่ามกลางคำเตือนผลกระทบต่อกรณีเฟดอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ซึ่งหมดอายุสัญญาในวันศุกร์(20) ลดลง 55 เซนต์ ปิดที่ 51.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปรับขึ้นเล็กน้อย 3 เซนต์ ปิดที่ 52.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ ปิดที่ 51.22 ดอลลาร์
เมอร์ริล ลินช์ ได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์ราคาน้ำมันในปี 2009 จากเดิม 50 ดอลลาร์ เป็น 52 ดอลลาร์ จากสัญญาณแห่งความตึงตัวของอุปทานในช่วงครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ตาม เมอร์ริล ลินช์ ได้ลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันโลกในปี 2010 ลง จากเดิม 70 ดอลลาร์เหลือ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อ้างถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนเศรษฐกิจโลกปีนี้จะหดตัวถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
คลัมน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ สืบเนื่องจากการบริโภคหดตัวลงและนักวิเคราะห์บางคนเตือนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับราคาน้ำมันที่จะดีดตัวไปอีกหลังจากขยับขึ้นต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(20) ดิ่งตัวลงกว่า 100 จุด หลังปรับขึ้นอย่างแข็งแรงตลอดทั้งสัปดาห์ท่ามกลางคำเตือนต่อกรณีเฟดเคลื่อนไหวอัดฉีดเม็ดเงินอีก 1.15 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบธนาคารเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ร่วงลง 127.04 จุด (1.72 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,273.76 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.81 จุด (2.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 768.23 จุด ขณะที่ แนสแดก ปิดตลาดลดลง 26.21 จุด (1.77 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,457.27 จุด
ตลาดเมื่อวันพุธ(18) ปรับตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงจะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของกระทรวงการคลังสหรัฐฯเป็นมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์และเพิ่มเติมอีก 850,000 ล้านดอลลาร์ ในตราสารหนี้อื่นๆ ในความพยายามจุดไฟเศรษฐกิจที่กำลังรวยริน
แต่นักลงทุนตัดสินใจเทขายทำกำไรในวันพฤหัสบดี(19)และวันศุกร์(20)หลังจาก 2 สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลว่าความเคลื่อนไหวของเฟด เสี่ยงต่อความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อและส่งผลร้ายต่อค่าเงินดอลลาร์