เอเจนซี - ราคาน้ำมันเมื่อวันอังคาร (24) ขยับขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ ตามหลังวอลล์สตรีทที่ดีดตัวแรงกว่า 230 จุด หลังจาก เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้สัญญาจะปกป้องภาคธนาคารที่มีปัญหา
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ปิดที่ 42.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้น 1.51 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงมีขึ้นพร้อมกับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ดีดตัวแรงราว 3 เปอร์เซ็นต์ กระโจนขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือนเมื่อวันจันทร์ (23) หลังจาก เบอร์นันกี บอกกับสมาชิกรัฐสภาว่าเขาให้คำมั่นต่อความคงอยู่ทางธุรกิจของภาคธนาคาร
เบอร์นานกี ยังคาดหมายว่า ภาวะถดถอยตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ และจะกลับมาฟื้นตัวภายในครึ่งปีแรกของปีหน้า ซึ่งเฟดจะดำเนินมาตรการทุกทางเพื่อช่วยยับยั้งไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวไปจนถึงปีหน้า ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในเร็วๆ นี้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 235.76 จุด (3.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,350.54 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 29.69 จุด (3.99 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 773.02 จุด และ แนสแดก บวกขึ้น 54.11 จุด (3.90 เปอร์เซ็นต) ปิดที่ 1,441.83 จุด
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของระบบธนาคารสหรัฐฯได้เพิ่มความกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจอาจเลวร้ายลงไปกว่านี้ กระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์พลังงานที่มีเค้ารางของความมืดมิด
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับแรงสนับสนุนจากตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าสมาชิกกลุ่มโอเปกปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังผลิตมากเกินความคาดหมาย
บริษัท เปโตรโลจิสติกส์ ที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่กล่าวในรายงานที่เผยแพร่ในช่วงต้นสัปดาห์ ว่า โอเปกผลิตน้ำมันในเดือนกุมภาพันธ์ น้อยกว่าเดือนมกราคม และทางสำนักข่าวรอยเตอร์คำนวณว่าชาติสมาชิกโอเปกได้ลดกำลังผลิตไปแล้วราว 89 เปอร์เซ็นต์ของข้อตกลง