เอเจนซี่ – แบงก์ ออฟ อเมริกา ขายหุ้นบางส่วนของ ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ธนาคารใหญ่อันดับสองของจีน มูลค่า2,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อทำกำไรเป็นเงินสด ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ
เมื่อวานนี้ ( 6 ม.ค.) แบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ขายหุ้นของ ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ในตลาดหุ้นฮ่องกง จำนวน 5,620 ล้านหุ้น เป็นมูลค่า 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้หุ้นของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ตกลง 8.8% ลดลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือน
แบงก์ ออฟ อเมริกาได้กำไรจากการขายหุ้นครั้งนี้ 1,130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับราคา IPO ของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ซึ่งนักวิเคราะห์ บอกว่า เป็นเรื่องปกติที่ยักษ์ใหญ่ของธนาคารสหรัฐฯแห่งนี้ จะขายหุ้นบางส่วนออกเพื่อทำกำไร และถือเงินสดเอาไว้ในยามเช่นนี้
“ข่าวนี้ถูกคาดการณ์ไว้แล้ว แต่นักลงทุนต่างคาดว่าแบงก์ ออฟ อเมริกา จะขายหุ้นออกมากกว่านี้ เพราะต้องการเงิน” ฟรานซิส ลุน ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทหลักทรัพย์ฟูลไบร์ท ในฮ่องกง ให้ความเห็น
ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ก็มีข่าวว่าแบงก์ ออฟ อเมริกามีแผนจะขายหุ้นของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ แต่ก็ได้ยกเลิกแผนไป จนกระทั่งได้มีการขายหุ้นออกจริง เมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดการถือหุ้นในไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ เหลือ 16.6% จากเดิมที่ถืออยู่ 19.1%
การมีข้อจำกัดมากมายที่ต่างชาติจะเข้าไปในธุรกิจการเงินของจีน บวกกับผลกำไรของธนาคารจีนที่น้อยลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ทำให้บริษัทข้ามชาติไม่เต็มใจนักที่จะเพิ่มการลงทุน
วอร์เรน ไบร์ท นักวิเคราะห์จากบริษัท ฟอกซ์ พิท เคลตัน ในฮ่องกง บอกว่า แบงก์ ออฟ อเมริกา อาจจะขายหุ้นออกมาอีก แต่คงจะไม่ถึงกับขายทิ้งทั้งหมด
“ถึงแม้เงินที่แบงก์ ออฟ อเมริกาลงทุนไปจะจมอยู่ แต่ผมคิดว่าธนาคารสหรัฐฯแห่งนี้ก็ยังต้องการรักษาสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกับธนาคารจีนอยู่” วอร์เรน ไบร์ท กล่าว
ข้างฝ่ายไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ระบุในแถลงการณ์ว่า การขายหุ้นครั้งนี้ไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองธนาคารเปลี่ยนแปลง
“ภายใต้ภาวะที่ไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลก เป็นเรื่องปกติที่แบงก์ ออฟ อเมริกา จะลดการถือหุ้นใน ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ลงไปตามสถานการณ์ทางการเงิน แต่ทางไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์จะยังคงมีความร่วมมือที่เข้มแข็งกับแบงก์ ออฟ อเมริกา เพื่อพัฒนาธุรกิจต่อไป” ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ คาดว่า นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากกำลังหาโอกาสที่จะขายหุ้นธนาคารจีนที่ตัวเองถืออยู่ เพื่อทำกำไร หลังจากพ้นกำหนดเงื่อนไขห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือหุ้นเป็นเวลา 3 ปี หลังจาก IPO โดย ธนาคาร UBS ของสวิสเซอร์แลนด์ได้ขายหุ้นของแบงก์ ออฟ ไชน่า ที่ถืออยู่ทั้งหมด เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กองทุนเทมาเส็ก ของรัฐบาลสิงคโปร์ ก็สามารถขายหุ้นของ ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ที่ถืออยู่มูลค่า 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทิ้งได้ทุกเมื่อ หลังจากพ้นกำหนดห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือไปเมื่อ เดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว
ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ เป็นธนาคารใหญ่อันดับสองของจีน ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลจีน และเป็นธนาคารจีนแห่งแรกที่ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 2005 โดยแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้เข้าซื้อหุ้นตั้งแต่การเสนอขาย IPO ในสัดส่วน 9% และได้ทุ่มเงินอีก 3,000 ล้านเหรียญเมื่อต้นปีค.ศ. 2008 เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 10.75% ก่อนที่จะธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ รายนี้จะสวนวิกฤตเศรษฐกิจ ทุ่มเงิน 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 19.1% เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2008 ซึ่งเป็นการซื้อครั้งล่าสุด ก่อนที่แบงก์ ออฟ อเมริกา ขายหุ้น ไชน่า คอนสตรัคชั่นออกบางส่วน เมื่อวันที่ 6 ม.ค.
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บอกว่า แบงก์ ออฟ อเมริกาได้กำไรจากหุ้นของไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์ ทั้งขึ้นทั้งล่อง เนื่องจากได้ซื้อหุ้นในราคา IPO และการซื้อหุ้นเพิ่มเติมในครั้งต่อๆมา ก็ได้มีข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้า โดยกำหนดให้แบงก์ ออฟ อเมริกา สามารถใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นได้ในราคา 1.2 เท่าของราคาบุ๊คแวร์ลู่ ซึ่งมีต้นทุนถูกกว่าราคาตลาดปัจจุบันประมาณ 30%
