xs
xsm
sm
md
lg

"ลีเมียงบัค" กว่าจะครบ 1 ปีเป็นประมุขเกาหลีใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลีเมียงบัค ผู้นำโสมขาว
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีลีเมียงบัค ฉลองการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเกาหลีใต้ครบ 1 ปีในสัปดาห์นี้ หลังจากเผชิญปัญหาลำบากสาหัส ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย, ความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาเกาหลีเหนือ, รวมทั้งการออกมาประท้วงของประชาชนจำนวนมากมาย

ลีเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศนี้ที่มีพื้นฐานมาจากนักธุรกิจ เขาเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธุรกิจก่อสร้าง และมีฉายาว่า "รถบุลโดเซอร์" จากความเป็นคนชอบใช้อำนาจ หลังจากชนะการเลือกตั้งชนิดทิ้งห่างคู่แข่งมากเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2007 และเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2008 ลีได้ให้สัญญาว่าจะนำพาประเทศไปสู่สันติภาพและความมั่งคั่ง ทว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศกลับตกต่ำลงจนเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากที่ตลาดโลกชะลอความต้องการสินค้าส่งออกของเกาหลีใต้ หนำซ้ำโสมแดงก็ออกมาขู่ว่าจะทำสงครามกับโสมขาวด้วย

"ปัญหาทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆ" ลีบอกในวันเสาร์ (21) และเสริมว่าเกาหลีใต้ไม่มีทางหลีกเลี่ยงผลกระทบจากทั่วโลก แต่ "หากเราร่วมมือร่วมใจกันก็จะเป็นประเทศแรกที่ฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจได้"

"เครื่องหมายการค้าความเป็นผู้นำแบบ 'รถบุลโดเซอร์' ดูเหมือนจะบุกฝ่าไปไม่ได้ถึงไหน ทัศนคติแบบ 'จงตามข้าพเจ้ามา' ก็ล้มเหลวเพราะใช้ไม่ได้กับสังคมที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น มีความหลากหลายและความเปลี่ยนแปลง" คังวอนแตค ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซูงซิลในกรุงโซล ให้ความเห็น

ทั้งนี้ บททดสอบแรกซึ่งลีก็ต้องเผชิญเมื่อขึ้นเป็นประธานาธิบดี คือกรณีที่เขาอนุมัติให้เปิดตลาดนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว โดยหวังจะแลกกับการที่สหรัฐฯจะเปิดเสรีทางการค้าด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น แต่ปรากฏว่าชาวเกาหลีใต้ได้ออกมาชุมนุมประท้วงกันต่อเนื่องหลายเดือน หลังจากเกิดข่าวลือแพร่สะพัดทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับอันตรายจากเชื้อวัวบ้า จนกระทั่งรัฐบาลต้องประกาศคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อวัวนำเข้า

ต่อมา ลียังถูกกดดันให้ยกเลิกโครงการสำคัญมากของเขา ที่จะสร้างเครือข่ายเชื่อมแม่น้ำสายต่างๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากภาคประชาชนและพวกนักเศรษฐศาสตร์ประท้วงว่าโครงการดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนักหน่วงที่สุดสำหรับลี ก็คือเรื่องเศรษฐกิจและเกาหลีเหนือ

ลีเคยใช้เลข '747' เป็นตัวแทนนโยบายสำคัญของเขาในการหาเสียง นั่นคือเขาสัญญาว่าจะสร้างเศรษฐกิจให้เติบโต 7 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างดำรงตำแหน่งตามวาระห้าปี เขาจะสร้างรายได้ต่อหัวประชากรให้สูงขึ้นเป็น 40,000 ดอลลาร์ และผลักดันให้ประเทศมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลกภายในหนึ่งทศวรรษ

แต่หลังจากที่ให้สัญญาไม่นาน วิกฤตเศรษฐกิจโลกก็ลุกลามมาถึงเกาหลีใต้ ล่าสุดรัฐมนตรีคลังของเกาหลีใต้ระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศจะหดตัวลง 2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และเป็นครั้งแรกนับจากปี 1998

แม้ลีจะสั่งการให้ตั้ง "วอร์ รูม" ทางเศรษฐกิจภายในทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่นักวิจารณ์บอกว่าเขาควรจะเป็นนักสื่อสารให้มากกว่านี้ และลดความเป็นนักสั่งการลง

"การบริหารธุรกิจเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การบริหารประเทศเป็นคนละเรื่องกัน ประธานาธิบดีลีมักจะแสดงความเป็นนักบริหารที่มีความเชื่อมั่นสูงมากซึ่งใช้ไม่ได้กับการบริหารประเทศ" ชอยจิน แห่งสถาบันความเป็นผู้นำของประธานาธิบดี บอก

"ผู้นำประเทศที่ประสบความสำเร็จควรนำพาจิตใจของประชาชน มิฉะนั้นคุณจะทำอะไรไม่ได้เลย คุณต้องแก้วิกฤตทางจิตวิทยาของประชาชนก่อน แล้วค่อยแก้วิกฤตทางเศรษฐกิจ"

ส่วนปัญหาเกาหลีเหนือ ลีไม่ได้ใช้นโยบายของผู้นำคนก่อนที่พยายามดึงโสมแดงให้ร่วมมือด้วย เขาสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือ แต่ยืนกรานเงื่อนไขว่าโสมแดงจะต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด ทั้งยังขู่ว่าจะทบทวนข้อตกลงระหว่างสองประเทศ ซึ่งทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจจนขู่ว่าจะเปิดสงครามด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น