“สุขุมพันธุ์” เตรียมผลักดันการท่องเที่ยวทางน้ำ ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้ได้ 5,000 ล้านบาท เผยเตรียมนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำให้สะอาดมากขึ้น พร้อมปรับปรุงท่าเรือทุกแห่งให้มีมาตรฐาน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหาร กทม.ลงเรือสำรวจเส้นทางและภูมิทัศน์ริมคลองบางกอกน้อย เพื่อวางแผนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และวางแผนรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ โดยได้แวะเยี่ยมชมมัสยิดหลวง อันซอริซซุนนะห์ ชุมชนชาวมุสลิมเก่าแก่ ชุมชนวัดสุวรรณาราม หรือชุมชนบ้านบุ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียงในการทำขันลงหินที่เหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และตลาดน้ำตลิ่งชัน ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของสมาคมเรือไทยเมื่อปีที่ผ่านมา กทม. มีรายได้จากการท่องเที่ยวทางน้ำมากถึงปีละ 3,400 ล้านบาท และเชื่อว่ายังมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่มขึ้นอีกมาก ดังนั้น ในปีหน้าจึงตั้งเป้าให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้องมีการปรับปรุงลักษณะทางกายภาพ เช่น ภูมิทัศน์ 2 ฝั่งคลอง และคุณภาพน้ำที่ต้องมีความสะอาดมากขึ้น โดยล่าสุด ตนกำลังหาทางนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีในขณะนี้ มาช่วยทำให้น้ำในแม่น้ำและลำคลองมีความใสสะอาดมากขึ้น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังจะดูแลในเรื่องของความปลอดภัยของท่าเรือต่างๆ ที่จะต้องปรับปรุงให้มีมาตรฐาน โดยจะประสานกับกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ทำการตรวจสอบท่าเรือทุกแห่งให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทางน้ำที่จะต้องปรับปรุงให้เข้มข้นและมีความสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเตรียมงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ที่จะใช้ในการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและดูแลและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น ซึ่งล่าสุด กทม.กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำที่เหลืออีกประมาณ 6.7 กิโลเมตร จากทั้งหมด 77 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2553
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำคณะผู้บริหาร กทม.ลงเรือสำรวจเส้นทางและภูมิทัศน์ริมคลองบางกอกน้อย เพื่อวางแผนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และวางแผนรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ โดยได้แวะเยี่ยมชมมัสยิดหลวง อันซอริซซุนนะห์ ชุมชนชาวมุสลิมเก่าแก่ ชุมชนวัดสุวรรณาราม หรือชุมชนบ้านบุ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียงในการทำขันลงหินที่เหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และตลาดน้ำตลิ่งชัน ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของสมาคมเรือไทยเมื่อปีที่ผ่านมา กทม. มีรายได้จากการท่องเที่ยวทางน้ำมากถึงปีละ 3,400 ล้านบาท และเชื่อว่ายังมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่มขึ้นอีกมาก ดังนั้น ในปีหน้าจึงตั้งเป้าให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต้องมีการปรับปรุงลักษณะทางกายภาพ เช่น ภูมิทัศน์ 2 ฝั่งคลอง และคุณภาพน้ำที่ต้องมีความสะอาดมากขึ้น โดยล่าสุด ตนกำลังหาทางนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีในขณะนี้ มาช่วยทำให้น้ำในแม่น้ำและลำคลองมีความใสสะอาดมากขึ้น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังจะดูแลในเรื่องของความปลอดภัยของท่าเรือต่างๆ ที่จะต้องปรับปรุงให้มีมาตรฐาน โดยจะประสานกับกรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ทำการตรวจสอบท่าเรือทุกแห่งให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทางน้ำที่จะต้องปรับปรุงให้เข้มข้นและมีความสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเตรียมงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ที่จะใช้ในการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและดูแลและป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น ซึ่งล่าสุด กทม.กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างแนวคันกั้นน้ำที่เหลืออีกประมาณ 6.7 กิโลเมตร จากทั้งหมด 77 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2553