xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯเผยแผนฟื้นแบงก์ $2 ล.ล้าน ตลาดหุ้นยัง “เมิน” บ่นขาดรายละเอียด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ประกาศแผนฟื้นฟูภาคธนาคารครั้งใหม่
เอเจนซี - รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ประกาศเมื่อวันอังคาร (10) แผนการฟื้นฟูภาคการเงินการธนาคารครั้งใหม่ โดยจะใช้เม็ดเงินถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์เน่าเสีย รวมทั้งฟื้นฟูสภาพคล่องของตลาดสินเชื่อให้กลับมาดังเดิม อย่างไรก็ดี ปรากฏว่า ตลาดหุ้นกลับดำดิ่ง ด้วยความกลัวที่ว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่มีประสิทธิภาพพอ

นักลงทุนทั่วโลกต่างก็รอฟังแนวทางฟื้นฟูภาคการเงินการธนาคารอเมริกัน ของ ไกธ์เนอร์ โดยหวังว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ในภาวะไม่เคลื่อนไหวแล้ว จะได้รับการแก้ไข และระบบการเงินของสหรัฐฯจะกลับมามั่นคงดังเดิม แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่ขุนคลังผู้นี้ประกาศ พวกเขาต่างแสดงความผิดหวัง โดยเฉพาะในเรื่องที่ ไกธ์เนอร์ ยังให้รายละเอียดของแผนการนี้น้อยมาก

ดัชนีดาวโจนส์ปิดวันอังคาร โดยพุ่งติดลบกว่า 380 จุดหรือ 4.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงต่อวันหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว เป็นต้นมา ในขณะที่ราคาพันธบัตรสหรัฐฯพุ่งขึ้นเพราะนักลงทุนหันไปถือครองพันธบัตรเพื่อประกันความเสี่ยง ส่วน เคบีดับบลิว อินเดกซ์ ที่เป็นดัชนีสำหรับหุ้นธนาคาร ก็ร่วงลงไปถึง 14%

ภาวะเช่นนี้นับว่า น่าหนักใจ โดยที่ตัว ไกธ์เนอร์ เอง กล่าวเตือนไว้ว่า การที่สาธารณชนไม่เชื่อมั่นก่อนหน้าที่จะลงมือปฏิบัติ ยิ่งทำให้มันยากยิ่งขึ้นที่จะหยุดยั้งสถานการณ์ที่ร้ายแรงขึ้นทุกที เพราะภาวะสินเชื่อตึงตัวที่ดำเนินเนิ่นนานขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ธนาคารอ่อนแอลง และการถดถอยทางเศรษฐกิจก็จะย่ำแย่ลงไปอีก

ไกธ์เนอร์ ซึ่งเมื่อวันอังคาร ทั้งจัดการแถลงข่าว, ให้สัมภาษณ์ทางทีวีหลายช่อง รวมทั้งไปให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการในรัฐสภา พยายามอธิบายในแนวทางที่ว่า คณะรัฐบาลโอบามา จะทำอย่างไรกับเงินราว 350,000 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือในโครงการฟื้นฟูและบรรเทาสินทรัพย์เน่าเสียที่อนุมัติในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช

ทว่า หลายฝ่ายกล่าวว่า ไกธ์เนอร์ พยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบว่ารัฐบาลนี้อาจจะต้องขอเงินจากรัฐสภาเพิ่มอีกหรือไม่ เพื่อไปเยียวยาภาคการธนาคาร, ฟื้นฟูสินเชื่อและต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่เวลาเดียวกันเขาก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

สาระหลักของแผนฟื้นฟูภาคการเงิน ที่ได้รับการตั้งชื่อใหม่ ว่า “แผนสร้างเสถียรภาพทางการเงิน” ก็คือ การตั้งกองทุนเพื่อรับซื้อหนี้เสียจากธนาคารทั้งหลาย โดยกองทุนนี้จะระดมเงินจากทั้งรัฐและเอกชน และจะมีหน่วยงานกำกับดูแลหลากหลายเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

เงินกองทุนเบื้องต้นจะมาจากภาครัฐ ซึ่งในตอนแรกจะเท่ากับ 500,000 ล้านดอลลาร์ และอาจจะกลายเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้ในภายหลัง เพื่อย้ายสินทรัพย์เน่าเสียออกจากภาคการเงินที่อ่อนแอเต็มที

ไกธ์เนอร์ แถลงที่กระทรวงการคลังด้วยว่า ยังจะมีการนำเม็ดเงินจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์จากกองทุนช่วยเหลือของรัฐบาลกลาง ไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาเจ้าของบ้านถูกบังคับขายบ้านที่ติดจำนองอยู่ รวมทั้งบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตตลาดบ้านครั้งรุนแรงที่มีต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ

นอกจากนี้ ก็จะยังมีการขยายโปรแกรมของเฟดที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อขยายสินเชื่อบัตรเครดิต, เงินกู้เพื่อการศึกษา, เงินกู้ซื้อรถ และเงินกู้สำหรับธุรกิจขนาดเล็กๆ ต่างๆ

โปรแกรมนี้สามารถที่จะขยายเม็ดเงินเพิ่มจากปัจจุบัน 200,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปเป็น 1 ล้านล้านดอลลารได้ โดยที่เงินจากกระทรวงคลังก็เพิ่มจาก 20,000 ล้านมาเป็น 100,000 ล้าน และอาจจะขยายโปรแกรมนี้ไปครอบคลุมสินทรัพย์ที่อิงอยู่ที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย

กระทรวงการคลัง ยังจะเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในธนาคารต่อไป เหมือนในสมัยรัฐบาลประธานาธิบดี บุช แต่ ไกธ์เนอร์ บอกว่า จะต้องมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจได้ว่า เงินกู้ที่ให้ธนาคารไป ทางธนาคารจะนำเอาไปให้กู้ต่อ และบรรดาผู้บริหารแบงก์ทั้งหลายจะไม่ได้รับผลพวงในรูปของค่าตอบแทนที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลจะได้รับสิ่งตอบแทนจากแบงก์เหล่านี้ในรูปของหุ้นบุริมสิทธิ์ ซึ่งสามารถจะเปลี่ยนเป็นหุ้นธรรมดาและซื้อขายได้ต่อไป

ไกธ์เนอร์ ยังได้กล่าวด้วยว่า การฟื้นฟูสภาพคล่องของสินเชื่อเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพื่อเป็นเงื่อนไขทำให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 800,000 ล้านดอลลาร์ ที่เน้นที่การลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ มีประสิทธิผลในการดึงให้เศรษฐกิจฟื้นตัว

ทั้งนี้ ไม่นานหลังจากที่ ไกธ์เนอร์ จะประกาศแผนฟื้นฟูภาคการเงิน วุฒิสภาของสหรัฐฯก็ได้ลงมติด้วยคะแนน 61 ต่อ 37 ผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 838,000 ล้านดอลลาร์ออกมาแล้ว จากนั้นพวกผู้นำของทั้งสองสภาทั้งจากเดโมแครต และรีพับลิกัน ก็เดินหน้าเจรจาต่อรองกัน เพื่อรวมร่างกฎหมายแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 สภา ที่ยังมีข้อความแตกต่างกันในบางสวน ให้กลายเป็นฉบับเดียวกัน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดูเหมือนไม่ตอบรับแผนของรัฐมนตรีคลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น