xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามา” ย้อนรอย “อับราฮัม ลินคอล์น” นั่งรถไฟมารับตำแหน่งประธานาธิบดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมตัวออกเดินทางจากสถานีรถไฟ เมืองวิลมิงตัน มลรัฐเดลาแวร์ เมื่อวันเสาร์ (17) รถไฟพิเศษขบวนนี้เริ่มต้นออกเดินทางจากฟิลาเดลเฟีย อันเป็นเมืองที่สหรัฐฯ ประกาศอิสรภาพ มุ่งสู่เมืองหลวงวอชิงตัน ตามเส้นทางที่ประธานาธิบดีอัมราฮัม ลินคอล์น เคยใช้เมื่อครั้งที่เขาเดินทางเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ
เอเอฟพี - บารัค โอบามา ออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษเข้าสู่วอชิงตัน เมื่อวันเสาร์ (17) ก่อนทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (20) พร้อมๆ กับนำพาความหวังมาคืนให้กับชาวอเมริกันที่เสียขวัญครั้งใหญ่จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเข้าไปพัวพันกับสงครามในต่างแดนถึง 2 สมรภูมิ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของนิวยอร์กไทม์ส์/ซีบีเอสล่าสุดระบุว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 79 มีแนวโน้มมองการบริหารประเทศภายใต้การนำของโอบามาในแง่ดี และเชื่อว่าเขาจะทำให้สโลแกนหาเสียงเรื่องการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นจริง อีกทั้งยังทำให้อเมริกากลับมาเป็นดินแดนแห่งความหวังอีกครั้งหนึ่งด้วย

“ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของสิ่งที่เราจะทำเพื่อเปลี่ยนแปลงอเมริกา แต่นี่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น” โอบามา กล่าวในระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟมุ่งสู่เมืองหลวงของสหรัฐฯ

ขบวนรถไฟดังกล่าวใช้เส้นทางเดียวกับที่ประธานาธิบดี อัมราฮัม ลินคอล์น วีรบุรุษในดวงใจของโอบามา เคยใช้เมื่อครั้งที่เขาเดินทางเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ โดยมีจุดเริ่มต้นที่ฟิลาเดลเฟีย อันเป็นเมืองที่สหรัฐฯ ประกาศอิสรภาพ มุ่งสู่เมืองหลวงวอชิงตัน

ตลอดการเดินทางครั้งนี้ โอบามาได้เรียกร้องให้ชาวอเมริกัน นำเอา “คำประกาศอิสรภาพ” ยุคใหม่มาใช้ โดยเขาขอร้องให้ชาวอเมริกันย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ แล้วนำเอาความเข้มแข็งของเหล่าวีรบุรุษในยุคประกาศอิสรภาพออกมาเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับภยันตรายของประเทศในปัจจุบัน

“มีเพียงไม่กี่ครั้งในประวัติศาสตร์ที่คนในยุคหนึ่งจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาท้าทายอย่างมากมายถึงเพียงนี้” โอบามากล่าวถึงวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและสงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก

“และแม้ว่าปัญหาที่เราเผชิญอยู่จะเป็นเรื่องใหม่ แต่สิ่งที่จะเอาชนะปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราต้องใช้ “คำประกาศอิสรภาพ” ยุคใหม่ ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงอิสรภาพของประเทศชาติ หากยังเป็นอิสรภาพในชีวิตของพวกเราจากอุดมการณ์และความคิดอันคับแคบ อิสรภาพจากอคติและความดึงดัน ซึ่งไม่ได้เรียกร้องต่อสัญชาตญาณทั่วไป แต่เรียกร้องต่อความดีงามภายในใจของเรา”

ทั้งนี้ ในระหว่างที่ “ขบวนรถไฟเพื่อเข้าพิธีสาบานตน” เดินทางผ่านสถานีต่างๆ มีประชาชนออกมาต้อนรับว่าที่ประธานาธิบดีกันเนืองแน่น และบางแห่งมีป้ายข้อความเขียนว่า "อัลเลลูยาห์ เราทำได้แล้ว"

ดีออน วัตสัน วัย 20 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่เฝ้ารอพบโอบามาที่เมืองบัลติมอร์อยู่หลายชั่วโมง "ฉันหิวแทบตาย แถมหนาวจนเท้าชาไปหมดเลย แต่มันก็คุ้มค่าจริงๆ"

ส่วนวิล มัวร์ วัย 22 ปี บอกว่า “มันงดงามจริงๆ มันทำให้ผมอยากจะทำอะไรอีกมากมายในชีวิต”

อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยในการเดินทางครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มงวดเต็มที่ มีการจัดรถตำรวจและกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเส้นทางที่รถไฟขบวนนี้แล่นผ่าน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่มีผู้คนยืนรอต้อนรับหรือพื้นที่ป่าหญ้าต่างๆ นอกจากนั้นยังมีเฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวนป้องกันภัยอยู่ด้านบน และนักแม่นปืนชุดดำอีกจำนวนหนึ่งเฝ้าระวังอยู่ตามหลังคาอาคารในเขตเมือง

ผู้คนอีกหลายร้อยยืนเรียงรายตลอดเส้นทางบนถนนเพซิลเวเนียในกรุงวอชิงตัน เพื่อรอดูโอบามานั่งรถยนต์แล่นผ่านไปขณะมุ่งตรงไปยังบ้านพักรับรองประธานาธิบดีที่แบลร์เฮาส์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านใหม่ของเขาในทำเนียบขาว

ก่อนหน้านี้ โอบามาได้ลงจากรถไฟเพื่อแวะรับโจเซฟ ไบเดน ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่บ้านของเขาในเมืองวิลมิงตัน มลรัฐเดลาแวร์ด้วย

"บางครั้งเราก็ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นฤดูใบไม้ผลิอีก แต่ผมขอบอกเลยว่า ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึงพร้อมกับรัฐบาลชุดใหม่" ไบเดนกล่าว

นอกจากนั้น ในวันเสาร์ฝูงชนที่เต็มไปด้วยความคึกคักยังได้ร้องเพลง "แฮปปี้ เบิร์ธเดย์" ให้กับมิเชล โอบามา ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งมีอายุครบ 45 ปีด้วย

ต่อมา ขบวนรถไฟสายโอบามาก็แล่นเข้าสู่เมืองบัลติมอร์ของรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งมีประชาชน 40,000 คนรอคอยอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ จากนั้นโอบามาเดินทางต่อไปถึงวอชิงตันในช่วงบ่ายของวันแรกในงานเฉลิมฉลองตำแหน่งประธานาธิบดีที่จัดขึ้นสี่วันด้วยกัน

การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการต่อสู้เพื่อตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของโอบามา หลังจากที่เขาประกาศตัวเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนี้เมื่อต้นปี 2007 ที่เมืองสปริงฟีลด์ มลรัฐอิลลินอยส์ มลรัฐที่เขาเคยดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกเช่นเดียวกับอับราฮัม ลินคอล์นนั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น