เอเอฟพี - บารัค โอบามา กล่าวปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ (18) ต่อหน้าประชาชนจำนวนมากมายที่อนุสรณ์สถาน อับราฮัม ลินคอล์น ในระหว่างพิธีเฉลิมฉลองการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้ชาวอเมริกันมีจิตวิญญาณแห่งการเสียสละ เพื่อเอาชนะสงครามและวิกฤตการณ์เศรษฐกิจที่รออยู่เบื้องหน้า
“ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของเรา มีคนไม่กี่รุ่นเท่านั้น ที่ถูกขอให้ออกมาเผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักหนาสาหัสดังที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้ เพราะประเทศชาติของกำลังมีสงคราม และเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต” โอบามา กล่าว
“ผมจะไม่เสแสร้งบอกว่าการเผชิญกับปัญหาใดปัญหาหนึ่งเป็นเรื่องง่าย เพราะที่จริงเราต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี และเป็นไปได้ว่าจะใช้เวลานานกว่านั้น” ทว่า “โปรดอย่าลืมว่าคุณลักษณะที่แท้จริงของประเทศชาติของเราไม่ได้เผยแสดงออกมาในห้วงเวลาแห่งความสุขสบาย แต่เป็นในห้วงยามที่เรากระทำสิ่งที่ถูกต้องเมื่อเผชิญกับความยากลำบากต่างหาก”
“ผมจึงขอเรียกร้องให้ทุกท่านช่วยเผยแสดงให้เห็นคุณลักษณะที่ว่านี้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเราจะได้ร่วมมือกันนำพามรดกจากบรรพบุรุษซึ่งเราเฉลิมฉลองกันในวันนี้ ให้ก้าวต่อไปในฐานะของประเทศชาติเพียงหนึ่งเดียว และคนๆ เดียวกัน”
ระหว่างพิธีเฉลิมฉลองที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น นี้ มีการแสดงดนตรีซึ่งนักร้องนักดนตรีชั้นนำอย่าง ยู2, บรูซ สปริงสทีน และ สตีวี วันเดอร์ เข้าร่วมด้วย ส่วนประชาชนที่มาร่วมงานต่างก็สนุกสนานร่าเริงแม้อากาศจะหนาวเย็นก็ตาม คาดกันว่า ผู้ที่เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองพิธีสาบานตนของโอบามาจะสูงถึงหลักล้าน ซึ่งทำให้ต้องมีการเฝ้รักษาความปลอดภัยกันอย่างเข้มงวดทั่วเมืองหลวงของสหรัฐฯ ด้วย
รายการเฉลิมฉลองพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ซึ่งเริ่มกันมาหลายวันแล้ว ยังคาบเกี่ยวมาถึงวันจันทร์ (19) นี้ ซึ่งเป็นวันหยุดประจำชาติ เพื่อระลึกถึงนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองคนสำคัญ คือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และโอบามา ให้ความเคารพในฐานะผู้บุกเบิกสำคัญคนหนึ่งแห่งการต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวสี อันเป็นการแผ้วถางทางให้เขาประสบชัยชนะในวันนี้
โอบามา ยังได้อ้างถึงสุนทรพจน์ที่ชื่อ “ข้าพเจ้ามีความฝัน” ของคิง ซึ่งเคยกล่าวหน้าอนุสาวรีย์ลินคอล์น เมื่อปี 1963 ด้วย โดยโอบามาบอกว่าเงาสะท้อนในสระน้ำข้างล่างอนุสาวรีย์ลินคอล์นนั้นเป็น “สระน้ำที่ยังคงสะท้อนถึงความฝันของผู้ที่เดินตามรอยของคิง”
นอกจากนั้น ในตอนเช้าวันอาทิตย์ โอบามา และ โจเซฟ ไบเดน ว่าที่รองประธานาธิบดี ยังได้เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาไว้อาลัย ณ สุสานทหารนิรนามอาร์ลิงตันด้วย หลังจากนั้น โอบามาและภรรยา คือ มิเชล โอบามา ก็ก้าวขึ้นรถคาดิลแล็ก ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งประธานาธิบดี และมีป้ายทะเบียนสีน้ำเงินหมายเลข 44 อันเป็นลำดับการขึ้นเป็นผู้นำอเมริกาของเขา
โอบามา ใช้เส้นทางรถไฟจากฟิลาเดลเฟีย สู่วอชิงตันในการเดินทางเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ อันเป็นเส้นทางเดียวกับวีรบุรุษของเขา คือ ประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น ผู้นำสหรัฐฯ พ้นจากภาวะสงครามกลางเมืองและยกเลิกระบบทาส โดยตลอดการเดินทาง โอบามาได้เรียกร้องให้ชาวอเมริกันยอมรับ “คำประกาศอิสรภาพใหม่” ซึ่งหมายถึงอิสรภาพจากอุดมการณ์และความคิดอันคับแคบและดึงดัน
ด้านทีมงานของโอบามา ไม่ว่าจะเป็น ราห์ม เอมานูเอล ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว รอเบิร์ต กิบส์ เลขานุการด้านสื่อของทำเนียบขาว หรือผู้ช่วยระดับสูงอีกหลายคน ต่างระบุตรงกันว่า โอบามาจะเริ่มลงมือทำงานทันทีหลังจากได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในราวเที่ยงของวันอังคาร(20)แล้ว โดยมีเรื่องเร่งด่วน ก็คือ แผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 825,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกำลังรอผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ส่วนในวันแรกของการทำงานเต็มวัน คือ วันพุธ (21) โอบามาจะประชุมร่วมกับพวกผู้นำทหาร เพื่อวางกรอบการถอนทหารออกจากอิรักและเพิ่มกำลังเข้าไปจัดการกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถาน
ส่วนผลสำรวจความเห็นของนิวยอร์กไทม์ส์ และซีบีเอสนิวส์ ล่าสุด ระบุว่า โอบามาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งด้วยคะแนนนิยมสูงสุด นับตั้งแต่ปี 1981 ในยุคของ โรนัลด์ เรแกน และมีผู้ที่คาดว่าการบริหารประเทศในสี่ปีข้างหน้านี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดีถึงร้อยละ 79