เอเอฟพี - นครมุมไบ เมืองหลวงของรัฐมหาราษฏระ ในอินเดีย เริ่มฟื้นฟูสู่สภาพปกติแล้ววันนี้ (30) หลังปิดฉากการโจมตีต่อเนื่องนานถึง 60 ชั่วโมงของกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนเกือบ 200 ราย พร้อมกับทิ้งรอยแผลเป็นอย่างสาหัสสากรรจ์ไว้ที่เมืองแห่งนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงิน และศูนย์รวมแห่งกลไกขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศ
ขณะที่เหล่าผู้บัญชาการด้านข่าวกรองกำลังตั้งหน้าตั้งตาสืบหาข้อเท็จจริง ว่า กลุ่มนักรบติดอาวุธจำนวนหลายสิบชีวิตอุกอาจก่อเหตุโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในนครมุมไบได้อย่างไร ไม่เพียงเกิดการนองเลือดเท่านั้น เหตุโจมตีมุมไบครั้งนี้ ยิ่งสุ่มเสี่ยงจะเกิดความร้าวฉานครั้งใหญ่ระหว่างอินเดียและปากีสถาน
ปรานับ มุคเคอร์จี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย เผยว่า “ส่วนประกอบสำคัญบางอย่างในปากีสถาน” สมควรต้องรับผิดชอบกับการโจมตีครั้งนี้
เจ้าหน้าที่อินเดียหลายคน อธิบายว่า กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวสังกัดกลุ่มลัชกัรอีตอยบะห์ ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในปากีสถาน เคยโจมตีรัฐสภาอินเดียแล้วครั้งหนึ่งในปี 2001 ซึ่งส่งผลให้กรุงนิวเดลีและอิสลามาบัดเขยิบเข้าการเผชิญหน้ากันในสงคราม
ด้าน อาซิฟ อาลี ซอร์ดารี ประธานาธิบดีปากีสถาน ได้ออกคำเตือนถึง “การตอบโต้อย่างเกินสมควร” ของอินเดีย พร้อมทั้งประกาศจะใช้มาตรการ “แข็งกร้าวที่สุด” หากพิสูจน์แล้วว่า ปากีสถานมีส่วนพัวพัน
ช่วงรุ่งสางของวานนี้ (29) ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการสู้รบ เสียงปืนยังดังเปรี้ยงปร้าง และระเบิดดังสนั่นในโรงแรมทัชมาฮาลสุดหรู ส่งสัญญาณถึงการโจมตีขั้นสุดท้ายของทหารคอมมานโดต่อกลุ่มผู้ก่อการ ซึ่งจับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนหลายร้อยคนเป็นตัวประกันนานถึง 60 ชั่วโมง
1 วันก่อนหน้า (28) กองกำลังอินเดียได้จู่โจมเข้าไปในศูนย์กลางชาวยิวในเมืองมุมไบ และสังหารกลุ่มติดอาวุธ 2 คน แต่เจ้าหน้าที่ยังพบศพตัวประกันชาวอิสราเอล 8 คน และศพคู่สามีภรรยาชาวอเมริกันในที่เกิดเหตุด้วย
ส่วนที่ ไทรเดนต์-โอเบอรอย โรงแรมหรูหราอีกแห่ง ซึ่งถูกโจมตีด้วย ได้รับการประกาศว่า เจ้าหน้าที่กำราบติดอาวุธสำเร็จตั้งแต่กลางดึกคืนวันศุกร์แล้ว (27) พร้อมกับช่วยชีวิตแขกเหรื่อจำนวนมากที่ติดค้างอยู่ในโรงแรมระหว่างการสู้รบ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบศพผู้เสียชีวิตอีก 32 ราย
เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง บอกว่า กลุ่มผู้ก่อการ “ล้วนแล้วแต่มีร่างกายกำยำล่ำสัน และเป็นชายฉกรรจ์ อายุระหว่าง 24 ถึง 30 ปี ที่ผ่านการฝึกหัดอย่างหนักในยุทธวิธีทางทหารด้วย”
อาร์.ยัดฮาฟ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยของเมืองมุมไบ บอกว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 195 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 300 คน จากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ซึ่งปะทุขึ้นขณะที่กลุ่มติดอาวุธกระจายกำลังกันโจมตีเป้าหมายต่างๆ ทั่วเมือง เช่น โรงแรมหรูหรา 2 แห่ง, สถานีรถไฟสายหลัก และโรงพยาบาล
สำหรับผู้เสียชิวิตชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วมี 27 ราย ได้แก่ ชาวอิสราเอล 9 คน สหรัฐฯ 5 คน ฝรั่งเศส 2 คน ออสเตรเลีย 2 คน แคนาดา 2 คน เยอรมัน 1 คน สิงคโปร์ 1 คน อังกฤษ 1 คน ญี่ปุ่น 1 คน อิตาลี 1 คน มอริเตเนีย 1 คน และคนไทย 1 คน
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 15 คน เสียชีวิตระหว่างการสู้รบ หนึ่งในนั้นคือ หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายในเมืองมุมไบ
ล่าสุด มีรายงานว่า ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธเสียชีวิต 11 คน และอีก 1 คน ซึ่งเป็นชาวปากีสถานถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว
เอเอฟพี รายงานว่า กองกำลังชุดหนึ่งเดินทางมายังมุมไบทางเรือ ส่วนกลุ่มอื่นๆ เดินทางถึงตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพื่อสะสมอาวุธ, ระเบิด และแยกย้ายกันแทรกซึมในเป้าหมายต่างๆ ก่อนจะบุกโจมตี
ผู้รอดชีวิตจากเหตุรุนแรงครั้งนี้ยังรู้สึกหวาดกลัว หลายคนบอกว่า พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดนานหลายชั่วโมง บางคนซ่อนตัวใต้เตียงบ้าง, ในห้องน้ำบ้าง
“ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อช่วง 36 ชั่วโมงที่แล้ว ผมเห็นร่างผู้เสียชีวิตเกลื่อนกลาด เลือดไหลนองทุกหนทุกแห่งและได้ยินแต่เสียงปืนเท่านั้น” มูนีร อัล มาฮาจ ชาวอิรักผู้หนึ่งกล่าว ภายหลังได้รับการช่วยเหลือ
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแพร่ภาพภายในโรงแรม โดยจานอาหารที่รับประทานไปเพียงครึ่งหนึ่งยังคงวางทิ้งอยู่บนโต๊ะ เมื่อแขกต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ผนังกำแพงภัตตาคารมีรอยกระสุนปืนเต็มไปหมด ส่วนที่พื้นก็มีกระจกและเศษแก้วหนาเตอะ