เอเจนซี - สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้ (27) ว่า ผู้แสวงบุญชาวมุสลิมจำนวนหลายร้อยชีวิตที่จะเดินทางไปยังนครมักกะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย กำลังจะพักค้างแรมอย่างยากลำบากเป็นคืนที่ 3 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดล้อมสนามบินเพื่อขับไล่คณะรัฐบาล
ผู้แสวงบุญราว 700 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเฒ่าคนแก่และดูขี้โรค แต่เปี่ยมด้วยความหวังว่าจะบรรลุหนึ่งในศาสนิจสำคัญที่สุดของศาสนาอิสลามก่อนจะหมดลมหายใจ เตรียมที่หลับที่นอนเพื่อค้างแรมเป็นคืนที่ 3 ภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ
"พวกเขาบางคนเก็บหอมรอมริบมาตลอดทั้งชีวิตเพื่อไปทำพิธีฮัจญ์" มูฮัมมัด ยูซุฟ หัวหน้าคณะเดินของผู้แสวงบุญคณะหนึ่งกล่าว "หลายต่อหลายคนจะเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก"
"หากพวกเขาพลาดโอกาสครั้งนี้แล้วละก็ พวกเขาอาจไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง"
รอยเตอร์รายงานว่า ตอนนี้ความวิตกกังวลประการเดียวของผู้แสวงบุญคือ ทำอย่างไรให้พวกเขาเดินทางถึงนครมักกะฮ์ให้ทันภายในวันที่ 2 ธันวาคมศกนี้ ซึ่งเป็นกำหนดเวลาสุดท้ายของการประกอบพิธี
ศาสนาอิสลามกำหนดให้ชาวมุสลิมทั้งหญิงและชายต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์ของซาอุดีอาระเบียอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต หากมีความสามารถในด้านร่างกาย ทรัพย์สิน และการเดินทาง พิธีฮัจญ์เป็นหนึ่งในห้าศาสนกิจของชาวมุสลิม นอกเหนือจากการปฏิญาณตนต่อพระผู้เป็นเจ้า, การละหมาดวันละ 5 เวลา, การบริจาคทาน และการถือศีลอดในเดือนรอมฏอน
ท่ามกลางกระเป๋าและสัมภาระที่วางเรียงยาวเหยียดหน้าโต๊ะเช็คอินในอาคารผู้โดยสาร ผู้แสวงบุญนั่งจับกลุ่มคุยกันบ้าง นอนพักเอาแรงบ้าง โดยผู้ชายและผู้หญิงจะอยู่แยกกัน
พวกเขาเหล่านี้ดูเหน็ดเหนื่อย แต่ยังคงสดชื่นและเป็นกันเอง
"ที่นี่ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป" ยูซุฟกล่าว "สถานการณ์ต่าง ๆ ยากลำบากพอ ๆ กับพิธีฮัจญ์ เราจึงแค่ต้องปรับตัวให้คุ้นเคย จริง ๆ แล้ว ผมกินอาหารจนพุงกางแล้ว"
รอยเตอร์บอกว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งขอโทษที่เป็นสาเหตุให้ผู้แสวงบุญต้องตกค้างที่สนามบิน คอยแบ่งปันน้ำและอาหารฮาลาลให้ชาวมุสลิม ระหว่างการชุมนุมประท้วง
"พวกเขาช่วยเหลือพวกเรา แต่พวกเขาต้องรับผิดชอบที่ทำให้เราติดแหง็กอยู่นี่" นรู ครูชาวปัตตานีกล่าว
"พิธีฮัจญ์คือบททดสอบความศรัทธาของเรา และนี่ก็เป็นบททดสอบของเราอีกบทหนึ่ง"
ชาวมุสลิมทั่วโลกละหมาด “อีด อัฏฮา” ส่วนผู้แสวงบุญนับล้านยังคงประกอบพิธี “ฮัจญ์” อันศักดิ์สิทธิ์