xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตแสนสำราญของฝูงโจรสลัดโซมาเลีย (ตอนแรก)

เผยแพร่:   โดย: กอง บก. เอเชียไทมส์ออนไลน์

(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

The jolly life of a pirate ring
By Asia Times Online staff
20/11/2008

โดยอาศัยทั้งเล่ห์เหลี่ยมกลโกงสารพัด, ความบ้าบิ่นไม่กลัวเกรงอะไร, และการก่อการร้ายมุ่งสร้างความสยดสยอง เหล่าโขยงโจรสลัดสมัยใหม่จากประเทศโซมาเลียที่ยากจนข้นแค้น ก็กำลังอวดอิทธิฤทธิ์ท้าทายกองทัพเรือเรืองแสนยานุภาพทั้งหลายของโลก, จู่โจมปล้นสะดมเรือพาณิชย์ลำแล้วลำเล่าตามใจชอบ, และกำลังแผ่อำนาจควบคุมเหนือเส้นทางการค้าสำคัญๆ ระหว่างยุโรปกับเอเชียอย่างแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ แม้โลกเรายังเต็มไปด้วยความคิดจินตนการสุดโรแมนติกเกี่ยวกับจอมสลัดผู้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี แต่พฤติการณ์อุกอาจเช่นนี้ก็กำลังก่อให้เกิดความรู้สึกกันว่าเกินกว่าจะกล้ำกลืนต่อไปแล้ว ถึงเวลาหรือยังที่จะ “นำตัวกัปตัน แจ๊ก สแปร์โรว์ ขึ้นเครื่องบินไปกักกันไว้ที่คุกกวนตานาโม”?

*รายงานชิ้นนี้แบ่งเป็น 2 ตอน นี่คือตอนแรก *

จากรายงานข่าวที่ว่าเรือพาณิชย์ 9 ลำถูกจี้จับไปภายในระยะเวลา 12 วันที่ผ่านมา โดยที่ลำหนึ่งคือเรือบรรทุกน้ำมันอันทันสมัยและใหญ่โตมหึมาของซาอุดีอาระเบีย ทั่วทั้งโลกก็ดูจะประทับจิตประทับใจกับพฤติการณ์ของเหล่าโจรสลัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มนักปล้นกลางทะเลที่รวมตัวกันอย่างหลวมๆ ราว 1,500 คน ซึ่งมีทั้งที่มาจากชาวประมงผู้ไร้งานทำและสมาชิกกองกำลังติดอาวุธอิสลามิสต์ของโซมาเลีย แต่ก็ล้วนถูกดึงดูดล่อใจด้วยเงินทองที่สามารถคว้าหามาได้อย่างสะดวกง่ายดาย ตลอดจนการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการผจญภัยอย่างน่าตื่นเต้นเร้าใจ

พวกเขาลัดเลาะไปตามน่านน้ำรอบๆ อ่าวเอเดน อันทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ตลอดจนออกไปในทะเลหลวงนอกชายฝั่งดินแดนจงอยแอฟริกา ด้วยขบวนเรือเร็ว และมีอาวุธอัตโนมัติทั้งหลายเป็นเครื่องมือในการคุกคามและต่อสู้ ตลอดจนมีโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกัน พวกเขาใช้วิธีส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน “SOS” เพื่อล่อหลอกบรรดาเรือที่ไม่ได้ระแวงสงสัยอะไร ให้เข้าสู่ปฏิบัติการกู้ภัย หรือไม่ก็ใช้เรดาร์เป็นเหยื่อลวงเรือที่ไร้การอารักขา ซึ่งออกมาอยู่ห่างนอกเส้นทางพาณิชย์ที่มีการคุ้มครองป้องกัน

ตามรายงานข่าวที่ปรากฏออกมา โจรสลัดเหล่านี้ได้เข้าโจมตีเรือต่างๆเกือบ 100 ลำแล้วในปีนี้ และประสบความสำเร็จในการเข้ายึดเรือร่วมๆ 40 ลำ โดยในจำนวนนาวาที่ถูกยึดไป มีต่างๆ หลายหลากตั้งแต่เรือบรรทุกน้ำมัน ไปจนถึงเรือขนสินค้าการเกษตร และกระทั่งเรือยอชต์ที่หรูหรา ฝูงนักปล้นสะดมเหล่านี้สามารถเรียกเงินค่าไถ่ไปได้แล้วราว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯทีเดียวในปีนี้ รายงานข่าวระบุเช่นนั้น พร้อมกับบอกด้วยว่า เวลานี้ยังมีเรือที่ถูกพวกเขายึดเอาไว้มากกว่า 14 ลำ ในจำนวนนี้ลำหนึ่งคือเรือของยูเครนซึ่งบรรทุกรถถังหุ้มเกราะจำนวน 33 คัน เรือที่ถูกจี้ไปเหล่านี้ต่างทอดสมออยู่ในเขตที่มั่นหลายๆ แห่งของพวกโจรสลัดตามแนวชายฝั่งโซมาเลีย

โดยอาศัยทั้งเล่ห์เหลี่ยมกลโกงสารพัด, ความบ้าบิ่นไม่กลัวเกรงอะไร, และการก่อการร้ายมุ่งสร้างความสยดสยอง เหล่าโขยงโจรสลัดสมัยใหม่พวกนี้ ก็กำลังอวดอิทธิฤทธิ์ท้าทายกองทัพเรือทั้งหลายของโลก, จู่โจมปล้นสะดมเรือพาณิชย์ลำแล้วลำเล่าตามใจชอบ, และกำลังแผ่อำนาจควบคุมอย่างแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆ เหนือเส้นทางการค้าสำคัญๆ ที่ไปยังยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่มาจากทางเอเชีย

ตลอดทั่วทั้งพิภพ ไม่ว่ารัฐบาล, เจ้าของเรือ, หรือสื่อมวลชน ล้วนกำลังเรียกร้องให้เร่งดำเนินการปราบปรามกวาดล้าง บทบรรณาธิการฉบับวันที่ 18 พฤศจิกายนของ “ลอสแองเจลิสไทมส์” เรียกการเข้าโจมตียึดเรือบรรทุกน้ำมัน “ซิริอุส สตาร์” ของซาอุดีอาระเบีย ในเขตทะเลหลวงห่างจากชายฝั่งประเทศเคนยาหลายร้อยกิโลเมตร ว่า “เปรียบเสมือนช้างสารฮึกห้าวเชือกหนึ่งถูกเล่นงานจนหมอบโดยหมาไนไฮยีนา” จากนั้นหนังสือพิมพ์นี้ก็ตั้งคำถามว่า “ถึงเวลาหรือยังที่จะประกาศสงครามกับพวกโจรสลัด”

ด้วยลีลาอารมณ์ทำนองเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ในฉบับวันที่ 19 พฤศจิกายน แสดงความสงสัยว่า ปัญหานี้จะสามารถแก้ไขให้ตกไปได้ไหม ถ้าใช้วิธี “... นำตัวกัปตัน แจ๊ก สแปร์โรว์ ขึ้นเครื่องบินไปกักกันไว้ที่กวนตานาโม” ซึ่งหมายถึงสถานที่กักกันผู้ก่อการร้ายของสหรัฐฯ ในค่ายทหารอเมริกัน ณ อ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา

ในทวีปแอฟริกา หนังสือพิมพ์เดลี่มอนิเตอร์ เสนอความคิดเห็นของตัวเองเอาไว้ว่า “อ่าวเอเดนคือเส้นทางผ่านเข้าออกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับสินค้าจากยุโรปและเอเชียสู่แอฟริกาตะวันออก แต่เมื่อการจี้จับเรือของโจรสลัดกำลังรุ่งเรืองจนแทบจะกลายเป็นธุรกิจไปแล้ว และพวกขุนศึกก็กำลังเรียกร้องค่าไถ่ก้อนมหึมาสำหรับเรือที่พวกเขายึดมาได้ ปัญหานี้จึงยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารขึ้นไปอีก”

ในวันพฤหัสบดี(20) เจ้าหน้าที่จากจิบูตี, อียิปต์, จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย, และซูดาน มีกำหนดพบปะประชุมกันเพื่อหารือถึงยุทธศาสตร์ในการต่อต้านโจรสลัด ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวแอสโซซิเอเต็ด เพรส(เอพี) ในวันจันทร์(17) เกาหลีใต้ประกาศแผนการที่จะส่งเรือรบลำหนึ่งเดินทางไปต่อสู้กับพวกโจรสลัด โดยที่สหรัฐฯกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ก็มีกองเรือรบไปลาดตระเวนอยู่ในน่านน้ำบริเวณที่ชุกชุมด้วยโจรสลัดอยู่แล้ว

ตามข่าวของบีบีซี รัฐมนตรีต่างประเทศ เดวิด มิลิแบนด์ ของอังกฤษ กล่าวว่า โจรสลัด “เป็นพวกล้างผลาญที่มีแต่สร้างความหายนะให้คนอื่น ไม่ว่ามันจะปรากฏขึ้นที่ไหนในโลกนี้ และสำหรับขณะนี้พวกล้างผลาญเหล่านี้ก็กำลังรวมตัวกันในอ่าวเอเดน”

ขณะที่โลกกำลังเตรียมตัวเพื่อการต่อสู้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้กับพวกแก๊งโจรสลัดเหล่านี้ ย่อมเป็นเรื่องที่คาดคิดได้อยู่แล้วว่า บรรดาบุคคลระดับสูงในทั่วโลกต่างกำลังตั้งคำถามที่ตอบไม่ได้ง่ายๆ นักรวม 3 ข้อด้วยกัน อันได้แก่ พวกวายร้ายเหล่านี้เป็นใครกันแน่, พวกเขาหลบหนีไปได้อย่างไรหลังกระทำการอุกอาจเช่นนี้แล้ว, และต้องทำอย่างไรจึงจะหยุดยั้งคนเหล่านี้ได้

** “ชายฝั่งบาร์บารี”แห่งคริสต์ศตวรรษที่21**

บทความของบีบีซีที่ใช้หัวเรื่องว่า “สลัดโซมาลีใช้ชีวิตกันอย่างสำเริงสำราญ” ได้พูดถึงโจรสลัดเหล่านี้ว่า มีอายุระหว่าง 20-25 ปี และส่วนมากที่สุดมีแหล่งกำเนิดจากเขตพันต์แลนด์ ของโซมาเลีย

ในบทความเดียวกันนี้ โมฮาเหม็ด โมฮาเหม็ด นักวิเคราะห์ด้านโซมาเลียของบีบีซีกล่าวว่า แก๊งโจรสลัดพวกนี้มักประกอบด้วยคนที่แตกต่างกันรวม 3 ประเภท
--“อดีตชาวประมง ที่ถือกันว่าเป็นมันสมองของการปฏิบัติการ เนื่องจากพวกเขามีความรู้เกี่ยวกับท้องทะเล
--อดีตสมาชิกกองกำลังอาวุธท้องถิ่น ซึ่งถือกันว่าเป็นกล้ามเนื้อ โดยที่คนเหล่านี้ก็เป็นกำลังสู้รบให้กับพวกขุนศึกผู้นำชนเผ่าของโซมาเลียหลายต่อหลายคน
--พวกผู้ชำนาญการด้านเทคนิค ที่เป็นพวกเก่งคอมพิวเตอร์และรู้จักวิธีใช้เครื่องมืออุปกรณ์ไฮเทคที่จำเป็นสำคัญการปฏิบัติการแบบโจรสลัด อาทิ โทรศัพท์สื่อสารผ่านดาวเทียม, ระบบบอกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ จีพีเอส, และยุทโธปกรณ์ทางทหาร”

ถึงแม้บทความนี้ได้โยงใยให้เห็นด้วยว่า พวกโจรสลัดมีการพัวพันมั่วสุมกับทั้งอาวุธประณีตทันสมัย, การค้าของเถื่อน, ตลอดจนยาเสพติดต่างๆ เช่น กัญชา และ “คาต” (ยากระตุ้นอย่างอ่อนๆ) ทว่ากลับแทบไม่ได้ทำอะไรเพื่อลบล้างมายาภาพโรแมนติกต่างๆ ที่แวดล้อมความเข้าใจเกี่ยวกับโจรสลัดเอาเสียเลย

“พวกเขามีเงิน พวกเขามีอำนาจ และพวกเขากำลังเข้มแข็งขึ้นทุกวันๆ “ บีบีซีอ้างคำพูดของคนท้องถิ่นผู้หนึ่งที่ให้ชื่อว่า อับดิ ฟาราห์ จูฮา “พวกเขาแต่งงานกับสาวสวยที่สุด พวกเขาสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ พวกเขามีรถใหม่ๆ ปืนใหม่ๆ ... ในหลายๆ ทางแล้วพวกโจรสลัดได้รับการยอมรับจากสังคม พวกเขากำลังกลายเป็นคนนำสมัย” เขาบอก

แต่อีกหลายๆ คนในแวดวงสื่อมวลชนก็กำลังบ่มพึมด้วยความไม่พอใจต่อการเสนอภาพพวกโจรสลัดที่ดูจะออกมาในทางบวกเช่นนี้ บิลล์ เวอร์จิน คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ ซีแอตเติล โพสต์-อินเทลลิเจนซ์ กล่าวโทษเล่นงานการบรรยายเรื่องราวในท่วงทำนองดังกล่าวในช่วงหลังๆ มานี้ โดยเขาเขียนไว้ในหนังสือพิมพ์นี้ฉบับ 19 พฤศจิกายน ว่า

“จากสิ่งที่สอดแทรกอยู่ระหว่างภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง, เครื่องแต่งกายในเทศกาลฮัลโลวีน, และการจัดงาน “วันพูดจาให้เหมือนโจรสลัดระหว่างประเทศ” เมื่อเร็วๆ นี้ ... พวกโจรสลัดจึงปรากฏภาพลักษณ์กลายเป็นบุคคลผู้ช่างคุยโม้โอ่อวด, เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว, และค่อนข้างจะโรแมนติก จนมีฐานะความเป็นสัญลักษณ์อันน่าเอาเยี่ยงอย่างแบบเดียวกับคาวบอยและมนุษย์อวกาศ ทว่าถึงตรงนี้จะขอหยิบยกเอาภาษาถ้อยคำที่พวกโจรสลัดสมัยใหม่ชอบใช้กันมาเป็นตัวอย่างให้เห็นสักหน่อย ซึ่งควรจะชำระกวาดล้างความคิดแสนโรแมนติกใดๆ เกี่ยวกับอาชีพหรือพฤติการณ์ของบุคคลเหล่านี้ให้หมดไปในทันที ถ้อยคำนั้นก็คือ: เรายึดเรือน้ำมันของคุณเอาไว้แล้ว”

(เรียบเรียงโดยอาศัยรายงานข่าวของ สำนักข่าวอินเตอร์เพรสเซอร์วิส ด้วย)

(อ่านต่อตอน 2 ซึ่งเป็นตอนจบ)
  • ชีวิตแสนสำราญของฝูงโจรสลัดโซมาเลีย (ตอนจบ)
  • กำลังโหลดความคิดเห็น