xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ยืนยัน AFP พันธมิตรฯ กำลังปกป้องรักษาสังคมไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - สำนักข่าวเอเอฟพี โดย แพตริก ฟัลบี ไปสัมภาษณ์พิเศษสนธิ ลิ้มทองกุล ระหว่างการชุมนุมประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อไปนี้ คือ รายละเอียดของรายงานการสัมภาษณ์คราวนี้:

กลุ่มผู้ชุมนุมของเขาเข้ายึดที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี ปะทะกับตำรวจ และอาจจะช่วยขับไล่รัฐบาลได้เป็นครั้งที่สองในรอบ 3 ปี แต่ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็ยืนกรานว่า เขากำลังปกป้องรักษาสังคมไทย

“ผมทำแบบนี้ก็เพราะผมต้องการจุดประกายขึ้นที่ตรงกลางแล้วปล่อยให้เปลวไฟก่อตัวเป็นรูปร่างของมันเอง” เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี ที่โรงอาหารในบริเวณทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นการให้สัมภาษณ์ที่มีน้อยครั้งมาก

สนธิฉายภาพตนเองว่า เป็นคนรักชาติคนหนึ่งที่นำผู้สนับสนุนหลายหมื่นคนในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (PAD) มาปกป้องประเทศจากลัทธิพวกพ้อง

“การทำให้สังคมมีการเคลื่อนไหว ต้องใช้แรงกดดันจำนวนมาก และพันธมิตรฯ อาจจะเป็นกลุ่มกดดันที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งที่กำลังทำงานนี้อยู่” เขากล่าวด้วยภาษาอังกฤษอันไร้ที่ติ

นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ย่อมรู้สึกถึงแรงกดดันนี้อย่างแน่นอน ดังเห็นได้จากที่เขาพูดว่าเขาอาจลาออกเมื่อเผชิญหน้ากับการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมแล้วขยายไปสู่การปะทะกับตำรวจบนท้องถนนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิตสองคนและบาดเจ็บอีกหลายร้อย

สนธิ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เข้ามอบตัว และได้รับการประกันตัวออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่มีการเพิกถอนข้อหากบฏไป โดยแกนนำที่มีทั้งพวกปีกซ้ายและปีกขวา ซึ่งมีแนวคิดแตกต่างกันนี้ได้มารวมตัวกันโดยมีศูนย์รวมอยู่ที่สถาบันกษัตริย์ของไทยอันเป็นที่เคารพ และด้วยจุดมุ่งหมายที่จะโค่นล้มพรรครัฐบาลลง

สนธิกล่าวหาว่า พรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเมื่อเดือนธันวาคม 2007 โดยการซื้อเสียงและคอร์รัปชัน และยังกล่าวหาว่า “พรรคการเมืองต่างๆ กำลังทำตัวเหมือนกิจการวาณิชธนกิจ”

“การเมืองแบบนี้ใช้กับเมืองไทยไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราต้องการระบบใหม่ เราต้องการการเมืองใหม่” เขาบอก และขยายความต่อไปว่า “เรายังไม่ได้ลงไปในรายละเอียดที่แท้จริงว่าการเมืองใหม่ควรเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยเรากำลังบอกกับตัวเราเองว่า เราต้องลืมวิธีการบริหารการเมืองแบบเก่าๆ ไปเสียก่อน”

พวกนักวิจารณ์ถือว่า สนธิเป็นพวกนิยมชนชั้นนำและต่อต้านประชาธิปไตย เพราะที่ผ่านมาเขาเคยกล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาควรมาจากการแต่งตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ และเลือกตั้งเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เขาหัวเราะและบอกว่าเขาถูกเข้าใจผิด

“มันเป็นเรื่องตลก” เขาบอก “ตอนที่ผมพูดถึงเรื่องนี้ ผมเพียงแค่เสนอตัวแบบขึ้นมาอันหนึ่ง และผมก็บอกว่ามันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ เช่น 70-30 และผมยังบอกด้วยว่ามันอาจจะเป็น 50-50 หรืออาจจะเป็น 10-90 ก็ได้”

อย่างไรก็ตาม เขายังยืนยันว่า ในรัฐสภามี ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งมากเกินไป “ถึงแม้ว่าผมจะเชื่อมั่นในการเลือกตั้งโดยตรง แต่ผมไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งโดยตรงในสังคมอย่างเมืองไทยควรมีอำนาจครอบงำประชาธิปไตย มันควรจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง”

ปัจจุบัน สนธิอายุ 61 ปี เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเจ้าพ่อวงการสื่อที่มีความทะเยอทะยาน จนกระทั่งเมื่อปี 2005 จึงเริ่มออกมารณรงค์ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ทั้งที่ครั้งหนึ่ง สนธิเองเคยประกาศว่า ทักษิณเป็น “นายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

ต่อมาเมื่อต้นปี 2006 มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรฯ ขึ้น โดย สนธิได้ประณามทักษิณเรื่องคอร์รัปชัน และนำการประท้วงบนท้องถนน จนนำไปสู่การรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลออกไปในปีเดียวกันนั้นเอง ทักษิณ กล่าวว่า สนธิต้องการแก้แค้น เนื่องจากสนธิได้ลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อจัดตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ แต่ถูกขัดขวางจากข้อกำหนดของกฎหมาย

สนธิเอง ยอมรับว่า สถานการณ์ทางการเงินของแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ประสบปัญหาจริง แต่บทบาทใหม่ของเขาในฐานะนักรณรงค์ทางการเมือง ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รับเงินบริจาคเพื่อการเคลื่อนไหวถึงราว 130 ล้านบาท จากทั่วประเทศ นับจากปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทว่า สนธิ ซึ่งกล่าวหาว่าทักษิณยังคงควบคุมรัฐบาลโดยสั่งการจากประเทศอังกฤษในระหว่างที่ลี้ภัยอยู่ ก็ยืนกรานว่า ผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัวของเขานั้นไม่เกี่ยวข้องกับการประท้วง

“ทั้งพลังงานที่ผมทุ่มเทลงไป และอันตรายที่ผมต้องเผชิญนั้นไม่คุ้มที่จะทำหรอก ถ้าหากผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อหลักการ”

เขาเสริมอีกว่า เขาไม่มีแผนการที่จะเข้าสู่การเมืองด้วย “เชื่อผมเถอะ มีคนบางคนที่อยากทำความดีจริงๆ”
กำลังโหลดความคิดเห็น