เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์ (29) หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ปฏิเสธแผนกอบกู้ภาคเงิน 700 ล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยรัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ดิ่งลง 10.52 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังร่วงลงไปต่ำสุดระหว่างวันที่ 95.04 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติร่วงแรงที่สุดในรอบวันเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนปี 2003
ทั้งนี้ น้ำมันชนิดไลต์สวีตครูด ตกลงมา 11.8 เปอร์เซ็นต์จากวันอังคารที่แล้ว (16) ซึ่งมันทะยานขึ้นไปในช่วงของการสิ้นสุดสัญญาซื้อขายเดือนตุลาคม ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ของตลาดลอนดอนวันจันทร์ (29) งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ดิ่งลง 9.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติ 228-205 ปฏิเสธร่างกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งให้อำนาจกับกระทรวงการคลังซื้อหนี้เสียจากกองทุนเงินบำนาญ รัฐบาลท้องถิ่น และธนาคารเล็กๆ ที่ให้บริการแก่ครอบครัวรายได้ต่ำ โดยมีเป้าหมายติดเครื่องตลาดเงินทุนที่สะดุดอีกครั้ง
“ร่างกฎหมายที่จัดสรรเงินซื้อหนี้เสียไม่ผ่านมติ ส่งให้ตลาดหุ้นหกคะเมน เช่นเดียวกับถ่วงตลาดน้ำมัน” ทอม เบนท์ซ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพี พาริบาส กล่าว
“การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความรู้สึกช็อกให้กับระบบ” ซาราห์ อีเมอร์สัน ผู้อำนวยการของEnergy Security Analysis Inc กล่าว “ตลาดน้ำมันขานรับอย่างรุนแรง ส่วนหนึ่งมาจากมันแสดงนัยว่าเศรษฐกิจที่อ่อนแอกระทบต่อดีมานด์น้ำมันที่ลดลง”