xs
xsm
sm
md
lg

ระเบิดฆ่าตัวตายที่โรงแรมแมริออท-สัญญาณเริ่มต้นศึกใหญ่ในปากีสถาน

เผยแพร่:   โดย: ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด

(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

The gloves are off in Pakistan
By Syed Saleem Shahzad
22/09/2008

“เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม”อเมริกันหลายร้อยคน พรั่งพร้อมด้วย “อุปกรณ์” 20 ตู้คอนเทนเนอร์ใหญ่ๆ กำลังยึดครองพื้นที่ผืนโตภายในค่ายของหน่วยทหารรบพิเศษปากีสถาน เป้าหมายที่ไม่มีการระบุบ่งบอกออกมาของพวกเขา คือ เหล่าผู้นำอัลกออิดะห์และพวกนักรบหัวรุนแรงตอลิบาน ทางฝ่ายนักรบหัวรุนแรงก็ได้ดำเนินการตอบโต้ “ขั้นตอนใหม่”ของ “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” นี้แล้ว ด้วยการโจมตีด้วยระเบิดรถบรรทุกฆ่าตัวตายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแมริออทในกรุงอิสลามาบัด

การาจี - พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของปากีสถานกำลังเปรียบเทียบเหตุการณ์โจมตีด้วยระเบิดรถบรรทุกฆ่าตัวตายอันสร้างความเสียหายเลวร้ายยิ่ง ณ โรงแรมแมริออท ในเมืองหลวงอิสลามาบัด เมื่อคืนวันเสาร์(20)ที่ผ่านมา กับเหตุการณ์โจมตีสหรัฐฯในวันที่ 11 กันยายน 2001

พิจารณาในแง่ผลทางจิตวิทยาแล้ว เหตุระเบิดคราวนี้ซึ่งสังหารชีวิตผู้คนไปกว่า 80 คน บาดเจ็บเป็นร้อยๆ และยังเผาอาคารโรงแรมไหม้เกรียม ได้สร้างความชอกช้ำทางจิตใจให้แก่ประเทศนี้อย่างมาก และก็เหมือนเหตุการณ์ 9/11 มันยังเป็นเครื่องหมายการเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ “สงครามต่อสู้การก่อการร้ายไ หากแต่เป็น สงครามโดยผู้ก่อการร้าย

ปากีสถานเวลานี้ได้กลายเป็นสมรภูมิที่มีการประกาศป่าวร้องกันอย่างชัดเจนของการต่อสู้คราวนี้ โดยที่พวกนักรบหัวรุนแรงอิสลามมุ่งโจมตีเล่นงานผลประโยชน์ต่างๆ ของอเมริกัน ก่อนที่เครื่องจักรสงครามของสหรัฐฯจะเสร็จสิ้นการเตรียมการเพื่อถล่มใส่ที่หลบภัยของอัลกออิดะห์ในปากีสถาน

การโจมตีคราวนี้ซึ่งเกิดขึ้น ณ โรงแรมที่อยู่ในเครือของกลุ่มแมริออทของสหรัฐฯ นับเป็นเหตุโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของปากีสถาน โดยที่มีการใช้ดินระเบิดทีเอ็นทีจำนวนกว่า 600 กิโลกรัม มาผสมให้เข้ากันอย่างประณีตกับสารอาร์ดีเอ็กซ์ และฟอสฟอรัส และจุดระเบิดขึ้นขณะรถบรรทุกพุ่งฝ่าเข้าไปที่เครื่องกั้นรักษาความปลอดภัย ตรงบริเวณด้านหน้าของโรงแรม

ในหมู่ผู้เสียชีวิตคราวนี้ มีทั้งเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำปากีสถาน, นาวิกโยธินอเมริกัน 2 คน, ผู้ทำงานกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯหลายคน, คนสัญชาติซาอุดี 1 คน, และนักการทูตจากยุโรปอื่นๆ สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บมีกว่า 250 คน และรถยนต์ที่จอดอยู่หลายสิบคันถูกทำลาย

มีการคาดเดากันทันทีหลังเกิดเหตุว่า การโจมตีคราวนี้เนื่องมาจากมีนาวิกโยธินสหรัฐฯหลายคนกำลังพักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ยูซาฟ ราซา กิลานี อ้างว่าเป้าหมายจริงๆ ของคนร้ายคือบ้านพักของเขา ซึ่งทั้งประธานาธิบดีอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี, พวกผู้บัญชาการทหาร, และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ได้ไปชุมนุมกันเพื่อร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ “อิฟตาร์” (การรับประทานอาหารในตอนกลางคืน ภายหลังการถือศีลอดตอนกลางวันในช่วงเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม) ทฤษฎีนี้บอกว่า เนื่องจากที่พักนายกรัฐมนตรีมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก คนขับรถบรรทุกจึงนำรถแล่นต่อไปยังโรงแรมแมริออทที่อยู่ใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม ในตอนบ่ายวันจันทร์(22) เรห์มาน มาลิก ที่ปรึกษาด้านมหาดไทยของนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวกลุ่มหนึ่งฟังที่ท่าอากาศยานอิสลามาบัดว่า “งานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์คราวนี้ เดิมกำหนดจัดขึ้นที่โรงแรมแมริออทในเดือนกันยายน โดยที่มี ดร.ฟาห์มิดา มีร์ซา ประธานสมัชชาแห่งชาติ (สภาผู้แทนราษฎร) เป็นเจ้าภาพ และบรรดาผู้มีเกียรติทั้งหมด รวมทั้งนายกรัฐมนตรี, ประธานาธิบดี, คณะรัฐมนตรี, และผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ ต่างก็ได้รับเชิญ ทว่าเมื่อถึงชั่วโมงท้ายๆ งานเลี้ยงดินเนอร์นี้ก็เปลี่ยนไปจัดที่บ้านพักของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการช่วยชีวิตคณะผู้นำทั้งคณะทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายการเมืองของปากีสถาน”

“บางทีข่าวคราวก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการเลี้ยงอาหารค่ำคราวนี้ คงจะรั่วไหลไปถึงพวกนักรบหัวรุนแรง ดังนั้น พวกมันจึงมาโจมตีเล่นงานโรงแรมแมริออท” เรห์แมนกล่าวต่อ

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบสืบค้นของเอเชียไทมส์ออนไลน์ ซึ่งรวมถึงการพูดคุยกับพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระดับสูง บ่งชี้ให้เห็นว่าการโจมตีโรงแรมแมริออทครั้งนี้ เป็นสัญญาณแห่งการเปิดศึกใหญ่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในปากีสถาน โดยที่เป็นขั้นตอนใหม่ของ “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย”

**เตรียมตัวเพื่อสงครามครั้งใหม่**

เหตุระเบิดเมื่อวันเสาร์บังเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ซาร์ดารีมีกำหนดไปกล่าวปราศรัยครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีต่อที่ประชุมร่วมของทั้งสองสภา โดยหลังจากนั้นเขาก็จะออกเดินทางไปยังนิวยอร์ก เพื่อร่วมการประชุมประจำปีของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

เขายังมีกำหนดการพบปะกับพวกเจ้าหน้าที่ชั้นนำของสหรัฐฯ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับประเด็นในเรื่อง “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” อันมักก่อให้เกิดการโต้แย้งกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่กำลังทหารสหรัฐฯบุกล่วงล้ำอย่างอุกอาจเข้าไปในแถบพื้นที่ชนเผ่าของปากีสถานในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อโจมตีตัวบุคคลของอัลกออิดะห์ตลอดจนพวกนักรบหัวรุนแรง

แต่อันที่จริงได้เกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างขึ้นมาแล้ว ซึ่งกลายเป็นความเคลื่อนไหวที่จะพลิกโฉมสู่สงครามครั้งใหม่ดังกล่าวนี้

ห่างจากกรุงอิสลามาบัดได้ราว 20 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของค่ายทาร์เบลลา อันเป็นกองบัญชาการหน่วยกำลังเฉพาะกิจทหารรบพิเศษ(Special Operation Task Force หรือ SOTF)ของปากีสถาน เมื่อไม่นานมานี้ มีเจ้าหน้าที่อเมริกัน 300 คนไปพักอยู่ในค่ายแห่งนี้ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ถูกเรียกขานกันอย่างเป็นทางการว่า “กลุ่มที่ปรึกษาเพื่อการฝึกอบรม” ทั้งนี้ตามเอกสารหลายต่อหลายชิ้นที่ทางเอเชียไทมส์ออนไลน์ได้พบเห็น

อย่างไรก็ตาม บุคคลระดับสูงหลายรายที่เอเชียไทมส์ออนไลน์ติดต่อด้วย กลับบอกว่านี่ไม่ใช่เป็นแผนงานฝึกอบรมธรรมดาๆ เลย

เมื่อกลางทศวรรษ 1990 ในช่วงที่ยังเป็นรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชาริฟ ก็มีหน่วยพิเศษของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ(ซีไอเอ)หน่วยหนึ่งมาตั้งอยู่ที่ค่ายแห่งเดียวกันนี้ โดยมีภารกิจในการหาทางจับตัวอุซามะห์ บิน ลาดิน พวกเขาถอนตัวออกไปหลังจาก เปอร์เวซ มูชาร์รัฟ ขึ้นสู่อำนาจด้วยการทำรัฐประหารในปี 1999

เวลานี้ สหรัฐฯได้กว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่เนื้อที่หลายตารางกิโลเมตรที่ทาร์เบลลาเอาไว้ ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวหลายรายที่ทำงานในโครงการนี้อยู่ และไม่นานมานี้เอง มีตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ 20 ตู้ถูกจัดส่งมายังค่ายแห่งนี้ ปรากฏว่าตู้คอนเทนเนอร์พวกนี้ทางฝ่ายอเมริกันเข้าดูแลรับผิดชอบทั้งหมด ชนิดไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ปากีสถานคนไหนไปตรวจสอบเลย

เมื่อดูจากขนาดของตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ เป็นที่เชื่อกันว่าข้างในน่าจะบรรจุพวกอาวุธพิเศษพร้อมเครื่องกระสุน และกระทั่งอาจจะมีรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะ แน่นอนเหลือเกินว่าอาวุธเหล่านี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับโครงการฝึกอบรมใดๆ ทั้งสิ้น

พวกที่คุ้นเคยกับกิจกรรมของอเมริกันในเทาร์เบลลา แทบไม่ได้มีข้อสงสัยใดๆ หลงเหลือกันอยู่เลย โดยต่างแน่ใจว่ากำลังมีการเตรียมการเพื่อเปิดการรุกโจมตีครั้งใหญ่ที่แคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ (North-West Frontier Province) ของปากีสถาน โดยมุ่งเล่นงานกวาดล้างบรรดาจุดหลบภัยของกลุ่มตอลิบานและกลุ่มอัลกออิดะห์ที่นำโดยบิน ลาดิน แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงปากีสถานหลายรายระบุว่า ยังจะมีทหารอเมริกันเดินทางเพิ่มเติมเข้ามาอีกในไม่กี่วันข้างหน้านี้

ทางฝ่ายปากีสถานนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ได้เสนอทำข้อตกลงหยุดยิงกับพวกนักรบหัวรุนแรงในพื้นที่ชนเผ่าของเขตนอร์ท วาซิริสถาน (North Waziristan) และ เซาท์ วาซิริสถาน (South Waziristan) ซึ่งอยู่ตรงบริเวณพรมแดนติดต่อกับอัฟกานสถาน ข้อเสนอเหล่านี้ไม่เพียงถูกปฏิเสธอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังตามมาด้วยเหตุการณ์โจมตีใส่กองกำลังรักษาความมั่นคงฝ่ายรัฐบาลในเขตวาซิลิสถานทั้งสอง แล้วจากกนั้นก็เป็นปฏิบัติการที่แมริออท

สำหรับฝ่ายนักรบหัวรุนแรงและฝ่ายสหรัฐฯแล้ว บัดนี้มีการประกาศเปิดศึกกันแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่าวอชิงตันรู้สึกกังวลต่อการที่ไม่มีความคืบหน้าในการเด็ดปีกพวกนักรบหัวรุนแรงในปากีสถาน (ซึ่งจริงๆ แล้ว ย่อมหมายถึงพวกอัลกออิดะห์ที่ว่ากันว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในเขตปากีสถาน) รวมทั้งรู้สึกวิตกที่พวกตอลิบานยังคงมีที่มั่นหลายแห่งในปากีสถาน เพื่อใช้เติมเชื้อให้แก่การปฏิบัติก่อความไม่สงบของพวกเขาในอัฟกานิสถาน

ช่วงหลายๆ สัปดาห์อันสำคัญยิ่งก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่คณะรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช จะปรารถนายิ่งไปกว่า “ควันปืน” จริงๆ ซึ่งจะสามารถอ้างเป็นเหตุผลความชอบธรรมให้แก่การทำ “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” ที่ดำเนินมานานปีของพวกเขาได้

ทหารที่เวลานี้พำนักอยู่ที่ทาร์เบลลากำลังอยู่ในเส้นทางแห่งการทำศึกใหญ่ของตน ซึ่งก็เฉกเช่นเดียวกับพวกนักรบหัวรุนแรง

ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าสำนักงานปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ สามารถที่จะติดต่อกับเขาได้ทางอีเมล์ saleem_sharzad2002@yahoo.com
กำลังโหลดความคิดเห็น