(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
A sting in Pakistan’s al-Qaeda mission
By Syed Saleem Shahzad
3/09/2008
ภายหลังถล่มเขตบาจาอูร์ เอเยนซี เป็นเวลา 3 สัปดาห์ กองทัพปากีสถานก็สั่งยกเลิกปฏิบัติการของฝ่ายตน พร้อมกับอ้างว่า ภารกิจการเล่นงานปราบปรามพวกนักรบหัวรุนแรง “สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว” แต่แท้ที่จริงการรุกโจมตีคราวนี้เป็นเพียงม่านควัน เพื่ออำพรางการที่ทางการอิสลามาบัดและพันธมิตรนาโต้ของพวกเขา เปิดยุทธการข้ามชายแดนเข้าไปในอัฟกานิสถาน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะกดดันให้ อุซามะห์ บิน ลาดิน และผู้ช่วยของเขา อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี ออกมาจากที่หลบซ่อน ทว่ามันกลับล้มเหลวลงอย่างน่าละเหี่ยใจ แถมเวลานี้พวกนักรบหัวรุนแรงก็กำลังเริ่มแก้แค้นเอาคืน ด้วยการเข้าโจมตีขบวนรถของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ(3)ที่ผ่านมา
การาจี– กองทัพปากีสถานได้ประกาศยุติยุทธการในเขตบาจาอูร์ เอเยนซี ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแล้ว โดยบอกว่า สามารถทำให้พวกนักรบหัวรุนแรงในบริเวณนั้นถึงขั้น “กระดูกสันหลังหัก” ได้สำเร็จ
โฆษกกองทัพกล่าวว่า เนื่องจากกำลังจะถึงเดือนถือศีลอด “รอมฎอม” อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม โดยที่ในปากีสถานเริ่มต้นกันตั้งแต่วันอาทิตย์(31ส.ค.)ที่ผ่านมา จึงควรยุติการปฏิบัติการทั้งหมด ซึ่งก็จะเปิดทางให้ผู้คนที่ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ประมาณ 500,000 คน สามารถเดินทางกลับบ้านได้ พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลอ้างว่า การสู้รบคราวนี้ที่กินเวลานาน 3 สัปดาห์ สามารถสังหารนักรบหัวรุนแรงได้ 560 คน ขณะที่ฝ่ายกองกำลังรักษาความมั่นคงของทางการสูญเสียไปเพียง 20 คน
อย่างไรก็ดี ความเป็นจริงในภาคสนามกลับกลายเป็นว่า ยุทธการคราวนี้ประสบความล้มเหลวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดที่ตั้งเอาไว้ได้ อันได้แก่การจับปลาตัวโตซึ่งเป็นที่ต้องการเหลือเกินของสหรัฐฯ นั่นก็คือ ผู้นำอัลกออิดะห์ –อุซามะห์ บิน ลาดิน และผู้ช่วยของเขา อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี หากทำได้ตามเป้าหมายคราวนี้ ย่อมจะเป็นของขวัญอันวิเศษสมบูรณ์แบบ ที่ทางการอิสลามาบัดสามารถมอบให้แก่คณะรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในโอกาสที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอยู่ร่อมร่อในเดือนพฤศจิกายนนี้
ฝ่ายปากีสถานบอกว่า ระหว่างการปฏิบัติการ พวกเขาได้พบเห็นตัวซอวาฮิรี ทว่าบุคคลหมายเลขสองของอัลกออิดะห์กลับหลบหนีพ้นเงื้อมมือของพวกเขาไปจนได้ ก่อนหน้านี้ ซอวาฮิรี ซึ่งถูกตั้งค่าหัว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็สามารถรอดพ้นจากโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯเมื่อเดือนมกราคม 2006 ในบริเวณใกล้ๆ ชายแดนติดต่อระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถาน
ยุทธการที่บาจาอูร์คราวนี้ เป็นการร่วมกันสำแดงแสนยานุภาพอย่างใหญ่โต ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) กับกองกำลังปากีสถาน ภายหลังจากที่พวกเขามั่นอกมั่นใจว่า เหล่าผู้นำอัลกออิดะห์และนักรบหัวรุนแรงระดับอาวุโสของพวกตอลิบาน กำลังหลบซ่อนอยู่ในอาณาบริเวณซึ่งครอบคลุมเขตจังหวัดคูนาร์ และจังหวัดนูริสถาน ในอัฟกานิสถาน กับเขตบาจาอูร์ เอเยนซี และ โมฮาหมัด เอเยนซี ที่อยู่ถัดข้ามชายแดนเข้าไปในปากีสถาน (อ่านรายงานเรื่อง Ducking and diving under B-52, Asia Times Online, May 22, 2008.)
นาโต้กับกองทัพปากีสถานตั้งความหวังไว้ว่า การปฏิบัติการรุกไล่ล้อมจับด้วยแสนยานุภาพอันมโหฬารของพวกเขา จะบังคับให้เหยื่อของพวกเขาต้องโยกย้ายค่ายพัก ซึ่งก็จะกลายเป็นเผยร่องรอยให้ติดตามไล่ล่าได้ง่ายยิ่งขึ้น แนวความคิดเบื้องหลังยุทธการคราวนี้ก็คือ คาดหมายว่าพวกนักรบหัวรุนแรงเหล่านี้น่าจะพยายามหาที่หลบภัยภายในเขตแดนปากีสถาน ซึ่งจะทำให้นาโต้กับปากีสถานสามารถเข้าปิดล้อมให้จนมุม
ทว่าภารกิจครั้งนี้กลับเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่สวยงามเอาเลย สองวันก่อนที่กองทหารจะได้รับคำสั่งจากกองบัญชาการกองพลน้อย ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเปชาวาร์ ในแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ (North-West Frontier Province หรือ NWFP) ข่าวคราวเกี่ยวกับการโจมตีที่กำลังจะบังเกิดขึ้น กลับรั่วไหลไปถึงพวกนักรบหัวรุนแรง และฝ่ายนำของอัลกออิดะห์ก็ได้โยกย้ายหลบหนีไปอย่างเร่งรีบ ต่อจากนั้น กองกำลังของปากีสถานก็ต้องเผชิญกับการต้อนรับแบบไม่เป็นมิตรและไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อพวกเขาเริ่มเปิดการปฏิบัติการในบาจาอูร์ นั่นคือ พวกนักรบหัวรุนแรงได้เฝ้ารออยู่แล้วพร้อมด้วยอาวุธเต็มอัตรา
ฝ่ายนำของอัลกออิดะห์ อยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของ กอรี เซียอูร์ เราะห์มาน ผู้นำอาวุโสคนหนึ่งของตอลิบาน และก็เป็นผู้บัญชาการกองกำลังประจำอาณาบริเวณ นูริสถาน, คูนาร์, และพื้นที่ของปากีสถานที่อยู่ติดกัน ในระยะสองสามเดือนที่ผ่านมา เราะห์มานก้าวผงาดกลายเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่งของขบวนการตอลิบาน และตกเป็นข่าวเกรียวกราว จากการจัดประหารชีวิตพวกที่ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับให้อเมริกัน กลางที่ชุมนุมชนทั้งในคูนาร์ และบาจาอูร์ นอกจากนั้น เราะห์มานยังกระทำกระทั่งสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทำกัน นั่นคือ การติดต่อกับพวกสื่อมวลชนปากีสถาน เพื่ออ้างความรับผิดชอบสำหรับการเข้าโจมตีกองทหารปากีสถานอย่างประสบผลสำเร็จหลายต่อหลายครั้ง
ทางฝ่ายปากีสถานและนาโต้นั้น มีการทุ่มเทแสนยานุภาพอย่างเต็มเหนี่ยว ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้ภารกิจประสบความสำเร็จ โดยที่มีการทิ้งระเบิดปูพรมทางอากาศอย่างหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยกระทำกันมาภายในเขตพื้นที่ชาวชนเผ่าของปากีสถาน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีผู้พลัดที่นาคาที่อยู่เป็นจำนวนมากมาย ขณะที่ฝ่ายนักรบหัวรุนแรงอ้างว่า สามารถสังหารกองกำลังกึ่งทหารของทางการไปหลายสิบคน และจับได้อีกจำนวนมาก นอกเหนือจากยึดอาวุธหนักตลอดจนรถถังได้ด้วย
การโจมตีดำเนินต่อมาอีกหลายสัปดาห์ จนกระทั่งถึงวันที่ 28 สิงหาคม ซึ่งมีการพบปะหารือกันอย่างลับๆ บนเรือบรรทุกเครื่องบิน อับราฮัม ลินคอล์น ของสหรัฐฯ ระหว่าง พล.ร.อ.ไมเคิล มุลเลน ประธานคณะเสนาธิการทหารผสมของสหรัฐฯ กับ พล.อ.อัชฟัค เปอร์เวซ คิอานี ผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน และมีความเห็นพ้องต้องกันว่าภารกิจที่บาจาอูร์ประสบความล้มเหลวเสียแล้ว โดยไม่ได้มีนักรบหัวรุนแรงคนสำคัญๆ คนไหนถูกเล่นงานเลย แถมบัดนี้คนเหล่านั้นก็หลบหนีหายวับไปจาก “จอเรดาร์” ทุกๆ จอเสียแล้ว
จากนั้น กรมข่าวประชาสัมพันธ์ร่วม ของกองทัพบกปากีสถานก็ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งยืนยันว่า บุคคลระดับนำของพวกนักรบหัวรุนแรงสามารถหลบหนีออกจากบาจาอูร์ โดยกองทัพก็ไม่ทราบว่าพวกเขาหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะในอัฟกานิสถานหรือที่อื่นๆ
ต่อมารัฐบาลปากีสถานจึงได้เปลี่ยนกลยุทธ์ คราวนี้มีการทุ่มเทเงินทองหลายล้านรูปีให้แก่พวกหัวหน้าของชนเผ่าต่างๆ โดยผ่านเส้นสายทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้มีการจัดตั้ง “ลัชการ์” (กลุ่ม) ต่างๆ ขึ้นมาต่อสู้กับขบวนการตอลิบานและบรรดานักรบหัวรุนแรง ทว่าการดำเนินการทำนองนี้ได้เคยประสบความล้มเหลวอย่างน่าไม่เป็นท่ามาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อมีการนำไปใช้ในพื้นที่ชนเผ่าของเขตนอร์ทวาซิริสถาน และ เซาท์วาซิริสถาน แล้วยังผลให้มีการลอบสังหารพวกหัวหน้าชนเผ่าและเหล่าผู้รู้ทางศาสนาไปถึง 200 คน พวกที่รอดชีวิตมาได้ต่างหลบลี้หนีภัยไปอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ ปล่อยให้พวกที่อ้างตนเองเป็นขบวนการตอลิบานส่วนที่เป็นชาวปากีสถาน เข้าควบคุมรับผิดชอบอาณาบริเวณเหล่านั้น ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะเชื่อว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบาจาอูร์จะผิดแผกแตกต่างไปจากนี้
ยุทธการในบาจาอูร์เปิดฉากขึ้น ในช่วงเวลาที่พวกตอลิบานกำลังลดปฏิบัติการรุกโจมตีในอัฟกานิสถานลงอยู่แล้ว เนื่องจากเทศกาลรอมฎอนใกล้เข้ามา พวกนักรบหัวรุนแรงนั้นมีแนวโน้มที่จะถือศีลอดและนอนหลับพักผ่อนอย่างสงบสุขในระหว่าง 1 เดือนนี้ จวบจนกระทั่งถึงวันอิด อัล-ฟิตร อันเป็นวันเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด
เมื่อถึงช่วงวันฉลองดังกล่าวนี้ ฤดูหนาวก็มักจะย่างกรายเข้ามาแล้ว และสิ่งที่พวกตอลิบานกระทำกันในแต่ละปีก็คือ ค่อยๆ ทยอยออกจากอัฟกานิสถาน โดยไปพำนักผสมปนเปอยู่กับผู้คนในพื้นที่เขตชนเผ่าของปากีสถาน
ทว่าปีนี้จะไม่เหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา พวกนักรบหัวรุนแรงคงจะไม่อยู่เงียบๆ เฉยๆ ระหว่างที่พวกเขาพักหนีหนาวจากสมรภูมิแห่งอัฟกานิสถาน
ยุทธการบาจาอูร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทิ้งระเบิดทางอากาศอันหนักหน่วง ได้ทำให้พลเรือนต้องพลัดถิ่นที่อยู่กันเป็นจำนวนมาก จึงก่อความรู้สึกเคียดแค้นอย่างสุดๆ ขึ้นในแวดวงนักรบหัวรุนแรง และสามารถคาดหมายได้ว่าจะต้องเกิดการโจมตีเพื่อแก้แค้นอย่างนองเลือดขึ้นในดินแดนปากีสถาน
การเล่นงานแบบประปรายในขั้นต้น ได้เริ่มขึ้นแล้วด้วยซ้ำในแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ โดยพวกที่ตกเป็นเป้าหมาย คือเหล่าสมาชิกตลอดจนพันธมิตรทางการเมืองของพรรค อะวามิ เนชั่นแนล ปาร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรคผู้ปกครองแคว้นนี้ที่มีแนวทางกึ่งชาตินิยมชาวปาชตุน ทั้งนี้ผู้นำระดับสูงของพรรค 4 คนได้ถูกสังหารไปแล้ว และบ้านเรือนจำนวนมากถูกทำลาย พวกผู้ทำงานการเมืองที่มีแนวทางต่อต้านตอลิบานจำนวนหลายสิบคนทีเดียว พากันหลบหนีออกจากเขตหุบเขาสะวัต และบริเวณอื่นๆ
แหล่งข่าวหลายรายของกลุ่มตอลิบาน ยืนยันกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า ได้มีการวางแผนเข้าเล่นงานเป้าหมายที่เป็นบุคคลระดับสูงด้วย อาทิ พล.อ.คิอานี ผู้บัญชาการทหารบก, อาซิฟ ซาร์ดารี ผู้นำพรรคประชาชนปากีสถาน (Pakistan People’s Party หรือ PPP) ซึ่งเวลานี้เป็นแกนนำของคณะรัฐบาลผสม, เรห์มาน มาลิก ที่ปรึกษาผู้ทรงอำนาจของกระทรวงมหาดไทย มีรายงานว่า ซาร์ดารีได้ทิ้งบ้านพักส่วนตัวของเขาในกรุงอิสลามาบัด และไปพำนักอยู่ที่บ้านของนายกรัฐมนตรี อีกทั้งเขายังพยายามตัดทอนกำหนดการที่ต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชน
ในวันพุธ(3)ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุยิงปืนเข้าใส่ขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ยูซาฟ ราซา กิลานี โฆษกของเขาแถลงว่าการโจมตีบังเกิดขึ้นบนถนนที่มุ่งไปยังท่าอากาศยานของอิสลามาบัด แต่เชื่อกันว่ากิลานีไม่ได้อยู่ในขบวนรถดังกล่าว
ยุทธการบาจาอูร์ ซึ่งตั้งจุดมุ่งหมายไว้ว่าจะสามารถกำจัดบุคคลสำคัญที่สุดใน “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” บางทีอาจจะยุติลงด้วยการถูกสังหารของพวกบุคคลระดับผู้นำในปากีสถาน
ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าสำนักงานปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ สามารถติดต่อกับเขาได้ที่saleem_shahzad2002@yahoo.com
A sting in Pakistan’s al-Qaeda mission
By Syed Saleem Shahzad
3/09/2008
ภายหลังถล่มเขตบาจาอูร์ เอเยนซี เป็นเวลา 3 สัปดาห์ กองทัพปากีสถานก็สั่งยกเลิกปฏิบัติการของฝ่ายตน พร้อมกับอ้างว่า ภารกิจการเล่นงานปราบปรามพวกนักรบหัวรุนแรง “สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว” แต่แท้ที่จริงการรุกโจมตีคราวนี้เป็นเพียงม่านควัน เพื่ออำพรางการที่ทางการอิสลามาบัดและพันธมิตรนาโต้ของพวกเขา เปิดยุทธการข้ามชายแดนเข้าไปในอัฟกานิสถาน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะกดดันให้ อุซามะห์ บิน ลาดิน และผู้ช่วยของเขา อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี ออกมาจากที่หลบซ่อน ทว่ามันกลับล้มเหลวลงอย่างน่าละเหี่ยใจ แถมเวลานี้พวกนักรบหัวรุนแรงก็กำลังเริ่มแก้แค้นเอาคืน ด้วยการเข้าโจมตีขบวนรถของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันพุธ(3)ที่ผ่านมา
การาจี– กองทัพปากีสถานได้ประกาศยุติยุทธการในเขตบาจาอูร์ เอเยนซี ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแล้ว โดยบอกว่า สามารถทำให้พวกนักรบหัวรุนแรงในบริเวณนั้นถึงขั้น “กระดูกสันหลังหัก” ได้สำเร็จ
โฆษกกองทัพกล่าวว่า เนื่องจากกำลังจะถึงเดือนถือศีลอด “รอมฎอม” อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม โดยที่ในปากีสถานเริ่มต้นกันตั้งแต่วันอาทิตย์(31ส.ค.)ที่ผ่านมา จึงควรยุติการปฏิบัติการทั้งหมด ซึ่งก็จะเปิดทางให้ผู้คนที่ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ประมาณ 500,000 คน สามารถเดินทางกลับบ้านได้ พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลอ้างว่า การสู้รบคราวนี้ที่กินเวลานาน 3 สัปดาห์ สามารถสังหารนักรบหัวรุนแรงได้ 560 คน ขณะที่ฝ่ายกองกำลังรักษาความมั่นคงของทางการสูญเสียไปเพียง 20 คน
อย่างไรก็ดี ความเป็นจริงในภาคสนามกลับกลายเป็นว่า ยุทธการคราวนี้ประสบความล้มเหลวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สำคัญที่สุดที่ตั้งเอาไว้ได้ อันได้แก่การจับปลาตัวโตซึ่งเป็นที่ต้องการเหลือเกินของสหรัฐฯ นั่นก็คือ ผู้นำอัลกออิดะห์ –อุซามะห์ บิน ลาดิน และผู้ช่วยของเขา อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี หากทำได้ตามเป้าหมายคราวนี้ ย่อมจะเป็นของขวัญอันวิเศษสมบูรณ์แบบ ที่ทางการอิสลามาบัดสามารถมอบให้แก่คณะรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในโอกาสที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอยู่ร่อมร่อในเดือนพฤศจิกายนนี้
ฝ่ายปากีสถานบอกว่า ระหว่างการปฏิบัติการ พวกเขาได้พบเห็นตัวซอวาฮิรี ทว่าบุคคลหมายเลขสองของอัลกออิดะห์กลับหลบหนีพ้นเงื้อมมือของพวกเขาไปจนได้ ก่อนหน้านี้ ซอวาฮิรี ซึ่งถูกตั้งค่าหัว 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ก็สามารถรอดพ้นจากโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯเมื่อเดือนมกราคม 2006 ในบริเวณใกล้ๆ ชายแดนติดต่อระหว่างปากีสถานกับอัฟกานิสถาน
ยุทธการที่บาจาอูร์คราวนี้ เป็นการร่วมกันสำแดงแสนยานุภาพอย่างใหญ่โต ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) กับกองกำลังปากีสถาน ภายหลังจากที่พวกเขามั่นอกมั่นใจว่า เหล่าผู้นำอัลกออิดะห์และนักรบหัวรุนแรงระดับอาวุโสของพวกตอลิบาน กำลังหลบซ่อนอยู่ในอาณาบริเวณซึ่งครอบคลุมเขตจังหวัดคูนาร์ และจังหวัดนูริสถาน ในอัฟกานิสถาน กับเขตบาจาอูร์ เอเยนซี และ โมฮาหมัด เอเยนซี ที่อยู่ถัดข้ามชายแดนเข้าไปในปากีสถาน (อ่านรายงานเรื่อง Ducking and diving under B-52, Asia Times Online, May 22, 2008.)
นาโต้กับกองทัพปากีสถานตั้งความหวังไว้ว่า การปฏิบัติการรุกไล่ล้อมจับด้วยแสนยานุภาพอันมโหฬารของพวกเขา จะบังคับให้เหยื่อของพวกเขาต้องโยกย้ายค่ายพัก ซึ่งก็จะกลายเป็นเผยร่องรอยให้ติดตามไล่ล่าได้ง่ายยิ่งขึ้น แนวความคิดเบื้องหลังยุทธการคราวนี้ก็คือ คาดหมายว่าพวกนักรบหัวรุนแรงเหล่านี้น่าจะพยายามหาที่หลบภัยภายในเขตแดนปากีสถาน ซึ่งจะทำให้นาโต้กับปากีสถานสามารถเข้าปิดล้อมให้จนมุม
ทว่าภารกิจครั้งนี้กลับเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่สวยงามเอาเลย สองวันก่อนที่กองทหารจะได้รับคำสั่งจากกองบัญชาการกองพลน้อย ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเปชาวาร์ ในแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ (North-West Frontier Province หรือ NWFP) ข่าวคราวเกี่ยวกับการโจมตีที่กำลังจะบังเกิดขึ้น กลับรั่วไหลไปถึงพวกนักรบหัวรุนแรง และฝ่ายนำของอัลกออิดะห์ก็ได้โยกย้ายหลบหนีไปอย่างเร่งรีบ ต่อจากนั้น กองกำลังของปากีสถานก็ต้องเผชิญกับการต้อนรับแบบไม่เป็นมิตรและไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อพวกเขาเริ่มเปิดการปฏิบัติการในบาจาอูร์ นั่นคือ พวกนักรบหัวรุนแรงได้เฝ้ารออยู่แล้วพร้อมด้วยอาวุธเต็มอัตรา
ฝ่ายนำของอัลกออิดะห์ อยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของ กอรี เซียอูร์ เราะห์มาน ผู้นำอาวุโสคนหนึ่งของตอลิบาน และก็เป็นผู้บัญชาการกองกำลังประจำอาณาบริเวณ นูริสถาน, คูนาร์, และพื้นที่ของปากีสถานที่อยู่ติดกัน ในระยะสองสามเดือนที่ผ่านมา เราะห์มานก้าวผงาดกลายเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่งของขบวนการตอลิบาน และตกเป็นข่าวเกรียวกราว จากการจัดประหารชีวิตพวกที่ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับให้อเมริกัน กลางที่ชุมนุมชนทั้งในคูนาร์ และบาจาอูร์ นอกจากนั้น เราะห์มานยังกระทำกระทั่งสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทำกัน นั่นคือ การติดต่อกับพวกสื่อมวลชนปากีสถาน เพื่ออ้างความรับผิดชอบสำหรับการเข้าโจมตีกองทหารปากีสถานอย่างประสบผลสำเร็จหลายต่อหลายครั้ง
ทางฝ่ายปากีสถานและนาโต้นั้น มีการทุ่มเทแสนยานุภาพอย่างเต็มเหนี่ยว ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้ภารกิจประสบความสำเร็จ โดยที่มีการทิ้งระเบิดปูพรมทางอากาศอย่างหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยกระทำกันมาภายในเขตพื้นที่ชาวชนเผ่าของปากีสถาน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีผู้พลัดที่นาคาที่อยู่เป็นจำนวนมากมาย ขณะที่ฝ่ายนักรบหัวรุนแรงอ้างว่า สามารถสังหารกองกำลังกึ่งทหารของทางการไปหลายสิบคน และจับได้อีกจำนวนมาก นอกเหนือจากยึดอาวุธหนักตลอดจนรถถังได้ด้วย
การโจมตีดำเนินต่อมาอีกหลายสัปดาห์ จนกระทั่งถึงวันที่ 28 สิงหาคม ซึ่งมีการพบปะหารือกันอย่างลับๆ บนเรือบรรทุกเครื่องบิน อับราฮัม ลินคอล์น ของสหรัฐฯ ระหว่าง พล.ร.อ.ไมเคิล มุลเลน ประธานคณะเสนาธิการทหารผสมของสหรัฐฯ กับ พล.อ.อัชฟัค เปอร์เวซ คิอานี ผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน และมีความเห็นพ้องต้องกันว่าภารกิจที่บาจาอูร์ประสบความล้มเหลวเสียแล้ว โดยไม่ได้มีนักรบหัวรุนแรงคนสำคัญๆ คนไหนถูกเล่นงานเลย แถมบัดนี้คนเหล่านั้นก็หลบหนีหายวับไปจาก “จอเรดาร์” ทุกๆ จอเสียแล้ว
จากนั้น กรมข่าวประชาสัมพันธ์ร่วม ของกองทัพบกปากีสถานก็ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งยืนยันว่า บุคคลระดับนำของพวกนักรบหัวรุนแรงสามารถหลบหนีออกจากบาจาอูร์ โดยกองทัพก็ไม่ทราบว่าพวกเขาหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะในอัฟกานิสถานหรือที่อื่นๆ
ต่อมารัฐบาลปากีสถานจึงได้เปลี่ยนกลยุทธ์ คราวนี้มีการทุ่มเทเงินทองหลายล้านรูปีให้แก่พวกหัวหน้าของชนเผ่าต่างๆ โดยผ่านเส้นสายทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้มีการจัดตั้ง “ลัชการ์” (กลุ่ม) ต่างๆ ขึ้นมาต่อสู้กับขบวนการตอลิบานและบรรดานักรบหัวรุนแรง ทว่าการดำเนินการทำนองนี้ได้เคยประสบความล้มเหลวอย่างน่าไม่เป็นท่ามาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อมีการนำไปใช้ในพื้นที่ชนเผ่าของเขตนอร์ทวาซิริสถาน และ เซาท์วาซิริสถาน แล้วยังผลให้มีการลอบสังหารพวกหัวหน้าชนเผ่าและเหล่าผู้รู้ทางศาสนาไปถึง 200 คน พวกที่รอดชีวิตมาได้ต่างหลบลี้หนีภัยไปอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ ปล่อยให้พวกที่อ้างตนเองเป็นขบวนการตอลิบานส่วนที่เป็นชาวปากีสถาน เข้าควบคุมรับผิดชอบอาณาบริเวณเหล่านั้น ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะเชื่อว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบาจาอูร์จะผิดแผกแตกต่างไปจากนี้
ยุทธการในบาจาอูร์เปิดฉากขึ้น ในช่วงเวลาที่พวกตอลิบานกำลังลดปฏิบัติการรุกโจมตีในอัฟกานิสถานลงอยู่แล้ว เนื่องจากเทศกาลรอมฎอนใกล้เข้ามา พวกนักรบหัวรุนแรงนั้นมีแนวโน้มที่จะถือศีลอดและนอนหลับพักผ่อนอย่างสงบสุขในระหว่าง 1 เดือนนี้ จวบจนกระทั่งถึงวันอิด อัล-ฟิตร อันเป็นวันเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด
เมื่อถึงช่วงวันฉลองดังกล่าวนี้ ฤดูหนาวก็มักจะย่างกรายเข้ามาแล้ว และสิ่งที่พวกตอลิบานกระทำกันในแต่ละปีก็คือ ค่อยๆ ทยอยออกจากอัฟกานิสถาน โดยไปพำนักผสมปนเปอยู่กับผู้คนในพื้นที่เขตชนเผ่าของปากีสถาน
ทว่าปีนี้จะไม่เหมือนกับปีที่ผ่านๆ มา พวกนักรบหัวรุนแรงคงจะไม่อยู่เงียบๆ เฉยๆ ระหว่างที่พวกเขาพักหนีหนาวจากสมรภูมิแห่งอัฟกานิสถาน
ยุทธการบาจาอูร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทิ้งระเบิดทางอากาศอันหนักหน่วง ได้ทำให้พลเรือนต้องพลัดถิ่นที่อยู่กันเป็นจำนวนมาก จึงก่อความรู้สึกเคียดแค้นอย่างสุดๆ ขึ้นในแวดวงนักรบหัวรุนแรง และสามารถคาดหมายได้ว่าจะต้องเกิดการโจมตีเพื่อแก้แค้นอย่างนองเลือดขึ้นในดินแดนปากีสถาน
การเล่นงานแบบประปรายในขั้นต้น ได้เริ่มขึ้นแล้วด้วยซ้ำในแคว้นพรมแดนตะวันตกเฉียงเหนือ โดยพวกที่ตกเป็นเป้าหมาย คือเหล่าสมาชิกตลอดจนพันธมิตรทางการเมืองของพรรค อะวามิ เนชั่นแนล ปาร์ตี้ ซึ่งเป็นพรรคผู้ปกครองแคว้นนี้ที่มีแนวทางกึ่งชาตินิยมชาวปาชตุน ทั้งนี้ผู้นำระดับสูงของพรรค 4 คนได้ถูกสังหารไปแล้ว และบ้านเรือนจำนวนมากถูกทำลาย พวกผู้ทำงานการเมืองที่มีแนวทางต่อต้านตอลิบานจำนวนหลายสิบคนทีเดียว พากันหลบหนีออกจากเขตหุบเขาสะวัต และบริเวณอื่นๆ
แหล่งข่าวหลายรายของกลุ่มตอลิบาน ยืนยันกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ว่า ได้มีการวางแผนเข้าเล่นงานเป้าหมายที่เป็นบุคคลระดับสูงด้วย อาทิ พล.อ.คิอานี ผู้บัญชาการทหารบก, อาซิฟ ซาร์ดารี ผู้นำพรรคประชาชนปากีสถาน (Pakistan People’s Party หรือ PPP) ซึ่งเวลานี้เป็นแกนนำของคณะรัฐบาลผสม, เรห์มาน มาลิก ที่ปรึกษาผู้ทรงอำนาจของกระทรวงมหาดไทย มีรายงานว่า ซาร์ดารีได้ทิ้งบ้านพักส่วนตัวของเขาในกรุงอิสลามาบัด และไปพำนักอยู่ที่บ้านของนายกรัฐมนตรี อีกทั้งเขายังพยายามตัดทอนกำหนดการที่ต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชน
ในวันพุธ(3)ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุยิงปืนเข้าใส่ขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ยูซาฟ ราซา กิลานี โฆษกของเขาแถลงว่าการโจมตีบังเกิดขึ้นบนถนนที่มุ่งไปยังท่าอากาศยานของอิสลามาบัด แต่เชื่อกันว่ากิลานีไม่ได้อยู่ในขบวนรถดังกล่าว
ยุทธการบาจาอูร์ ซึ่งตั้งจุดมุ่งหมายไว้ว่าจะสามารถกำจัดบุคคลสำคัญที่สุดใน “สงครามต่อสู้การก่อการร้าย” บางทีอาจจะยุติลงด้วยการถูกสังหารของพวกบุคคลระดับผู้นำในปากีสถาน
ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าสำนักงานปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ สามารถติดต่อกับเขาได้ที่saleem_shahzad2002@yahoo.com