เอเจนซี/ฟอร์บส์ - บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ได้รับการจัดอันดับจาก “ฟอร์บส์” นิตยสารทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจโลก ให้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐฯ เป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน โดยสามารถแซงคืนวอร์เรน บัฟเฟตส์ ที่เมื่อ 6 เดือนก่อนเพิ่งขึ้นสู่ตำแหน่งบุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก ส่วนอภิมหาเศรษฐีอื่นๆ ของสหรัฐฯ ที่เคยติดโผมาในปีก่อนๆ มีหลายรายที่ร่วงลงไปเพราะวิกฤตการเงิน
มหาเศรษฐีที่หลุดจากรายชื่อ 400 อันดับคนร่ำรวยที่สุดของสหรัฐฯ ในปีนี้ ก็อย่างเช่น มัวรีซ กรีนเบิร์ก อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ที่ซวดเซจนทางการต้องเข้ามาอุ้ม,เม็ก วิทแมน เจ้านายคนเก่าของอีเบย์ ในขณะเดียวกัน พวกที่ยังมีรายชื่อติดอยู่ แต่มูลค่าความมั่งคั่งลดลงไปก็มีอยู่ราว 126 ราย มากกว่ารายชื่อในปีที่แล้วถึง 6 เท่า
เจ้าพ่อบ่อนกาสิโนอย่าง เชลดอน อะเดลสัน มีสินทรัพย์ลดลง 13,000 ล้านดอลลาร์จากเมื่อปีที่แล้ว และเป็นปริมาณความร่ำรวยที่หดหายไปสูงสุดเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในรายชื่อ ส่วน เคิร์ค เคอร์โคเรียน นักลงทุนซึ่งถือหุ้นเอาไว้เยอะในวงการกาสิโนอีกคน ก็มีความมั่งคั่งลดลงไป 6,800 ล้านดอลลาร์ เพราะหุ้นในเอ็มจีเอ็ม มิราจร่วงลงอย่างรุนแรง
“ความจริงที่ว่าคนร่ำรวยไม่ได้สามารถสร้างสมความมั่งคั่งให้มากขึ้น ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าตาจน” แมทธิว มิลเลอร์ บรรณาธิการการจัดอันดับของฟอร์บส์กล่าว "เมื่อไม่มีใครกล้าให้สินเชื่อ สภาพคล่องในก็หดหาย การทำธุรกรรมต่างๆ ก็ทำไม่ได้ เศรษฐกิจก็หดตัวลง”
ฟอร์บส์ใช้ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 29 สิงหาคม เป็นฐานในการคำนวณสำหรับจัดอันดับ ซึ่งทางนิตยสารเองก็ส่งสัญญาณด้วยว่าราคาหุ้นที่ร่วงลงไปอีกในสัปดาห์นี้อันเนื่องมาจากความปั่นป่วนในตลาดการเงินครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อช่วงทศวรรษ 1930 น่าจะทำให้ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีในอันดับหายไปอีกไม่น้อย
บิล เกตส์ อยู่ในอันดับ 1 ในรายชื่อของฟอร์บส์ปีนี้ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 57,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีก่อนที่ฟอร์บส์คาดไว้ที่ 59,000 ล้านดอลลาร์
ส่วน วอร์เรน บัฟเฟตต์ยังคงมาเป็นที่ 2 ด้วยสินทรัพย์มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีที่แล้ว 2,000 ล้านดอลลาร์
ฟอร์บส์ อธิบายว่า ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2007 ถึงกุมภาพันธ์ 2008 บริษัท เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ของบัฟเฟตต์ มีราคาหุ้นทะยานขึ้นถึง 25% ทำให้ในการจัดอันดับอภิมหาเศรษฐีของทั่วโลกของนิตยสารฉบับนี้เมื่อเดือนมีนาคม ได้ยกให้บัฟเฟตต์เป็นอันดับ 1 โดยมีทรัพย์สินรวม 62,000 ล้านดอลลาร์ นำหน้าการโลส สลิม เฮลู เจ้าพ่อสื่อสารชาวเม็กซิโกที่ร่ำรวยระดับ 60,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่เกตส์ตกลงสู่อันดับ 3 ด้วยความมั่งคั่ง 58,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า หลังจากนั้น หุ้นบริษัท เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ได้ตกลงมา 15% ทำให้ความมั่งคั่งของบัฟเฟตต์ลดลง 12,000 ล้านดอลลาร์ ในการจัดอันดับคนร่ำรวยเฉพาะในอเมริกาคราวนี้ บัฟเฟตต์จึงยังต้องครองอันดับที่ 2 เหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมา
สำหรับอันดับ 3 ได้แก่ ลอว์เรนซ์ เอลลิสัน ผู้ก่อตั้งออราเคิล คอร์ป ที่ฟอร์บส์คาดว่ามีสินทรัพย์อยู่ 27,000 ล้านดอลลาร์
ทางด้านสมาชิก 4 คนของตระกูลวอลตันที่สืบเชื้อสายมาจากแซม วอลตันผู้ก่อตั้งวอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลกถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 4 ลงไปจนถึง 7 ด้วยสินทรัพย์ที่มีกันคนละกว่า 23,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งก็แปลว่าพวกเขากลับเข้ามาอยู่ในอันดับเดิมที่เคยได้เมื่อปี 2006 เพราะเมื่อปีที่แล้วถึงสองผู้ก่อตั้งกูเกิล อิงค์ คือ เซอรเกย์ บริน และลาร์รี เพจ เขี่ยพวกเขาให้ตกลงไป 2 อันดับ แต่ปีนี้ทั้ง บริน และเพจ หลุดโผ
ผู้ที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 8 ของสหรัฐฯ ก็คือ ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีของเมืองนิวยอร์กด้วยความมั่งคั่งคิดเป็นเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์ อันมีรากฐานมาจากอาณาจักรข้อมูลข่าวสารทางการเงินของเขา ส่วนสองพี่น้องชาร์ลส และเดวิด โคช ซึ่งบริหารบริษัทพลังงานและโรงงานอุตสาหกรรมโคช อินดัสตรีส์ไล่ตามมาด้วยสินทรัพย์ 19,000 ล้านดอลลาร์
แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวเพียงใดก็ตาม บรรดาผู้มั่งคั่งเหล่านี้ก็ยังสามารถเอาตัวรอดได้ และนับเป็นปีที่ 2 แล้วที่มูลค่าความมั่งคั่งขั้นต่ำของผู้ที่ถูกจัดอันดับนั้นอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่าเฉลี่ยของสินทรัพย์มหาเศรษฐี 400 อันดับนั้นอยู่ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์
ส่วนมูลค่าความมั่งคั่งรวมที่ฟอร์บส์คำนวณออกมานั้นอยู่ที่ 1.57 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติของแคนาดาประเทศเพื่อนบ้านเสียอีก
สมาชิกใน 400 อันดับคนร่ำรวยที่สุดในอเมริกาที่อายุน้อยที่สุด ก็คือ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก วัย 24 ปี ที่เป็นผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค สังคมอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ เขามีสินทรัพย์มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และอาจจะเพิ่มขึ้นหากเขานำเอาเฟซบุ๊คเข้าตลาดหลักทรัพย์