เอเอฟพี - รัฐบาลของประธานาธิบดี อีโว โมราเลส กลับสู่โต๊ะเจรจากับแกนนำฝ่ายค้านที่เลื่อนมายาวนานเมื่อวันอาทิตย์ (14) หลังเหตุความไม่สงบภายในประเทศซึ่งนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐกบฎแห่งหนึ่งของโบลิเวีย
ทั้งรัฐบาลโบลิเวียและผู้บริหารรัฐกบฏต่างเรียกร้องให้เปิดเจรจา ทว่า แต่ละฝ่ายยังกล่าวโทษซึ่งกันและกันในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตทางการเมืองอันลึกซึ้ง ซึ่งนำไปสู่การขับทูตสหรัฐฯ กลับประเทศ ขณะที่สหรัฐฯก็ขับทูตโบลิเวียเป็นการตอบโต้
โมราเลสได้ประกาศให้ฟิลิป โกลด์เบิร์ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำโบลิเบีย เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา และสั่งขับออกจากประเทศโบลิเวียในทันที โดยกล่าวหาว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐฯได้ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกขึ้นภายในประเทศ และทำให้เกิดการแยกตัวของรัฐต่างๆ ในประเทศโบลิเวีย
นับตั้งแต่วันอังคาร (9) ความรุนแรงบนท้องถนนปะทุขึ้น เมื่อฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลปะทะกันในซีกตะวันออกของประเทศที่ยากจนที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และบาดเจ็บเกือบ 100 คน แต่มีสื่อมวลชนบางแห่งรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นไปถึง 29 ศพ
ความรุนแรงที่ดูย่ำแย่ที่สุดเกิดขึ้นในรัฐปันโด ทางเหนือของประเทศ 1 ใน 5 ดินแดนที่ปฏิเสธแผนปฏิรูปสังคมของโมราเลสและเรียกร้องการปกครองตนเอง
รัฐบาลกล่าวหาลีโอพอลโด เฟอร์นานเดซ ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งมาจากฝ่ายค้าน ในภาระรับผิดชอบต่อเหตุ “สังหารหมู่” 16 คน เกือบทุกคนเป็นแรงงานชนบทฝ่ายสนับสนุนโมราเลส ซึ่งศพถูกพบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีประชาชน 3 ราย และทหาร 1 นาย เสียชีวิตในวันศุกร์ (12) เมื่อทหาร 100 นาย เข้ายึดสนามบินโคบิจาคืนจากผู้ประท้วง
ผู้ประท้วงได้เข้ายึดอาคารที่ทำการของรัฐ สนามบิน รวมทั้งบริษัทโทรคมนาคม ใน 4 จังหวัดทางตะวันออก คือ ซานตาครูซ,ทาริจา,เบนี และปันโด ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และได้พากันปิดถนนสายหลักที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรายได้ของรัฐบาลโมราเลส
ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของโมราเลส และโยกเงินรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติไปให้กับชนพื้นเมืองและคนยากจน รวมทั้งการจัดสรรที่ดินเสียใหม่ เพื่อต้องการปฏิรูปประเทศไปสู่ความเป็นสังคมนิยมได้ถูกต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนในจังหวัดทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ร่ำรวยที่อุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงาน และส่วนใหญ่ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระ
รองประธานาธิบดี อัลวาโร การ์เซีย กล่าวในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (14) ว่า การเจรจากับตัวแทนของ 1 ใน 5 รัฐที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนกำลังมีขึ้นในทำเนียบประธานาธิบดี
แม้ว่าคำแถลงก่อนหน้านี้ของแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในซานตาครูซจะระบุว่า การปิดกั้นถนนและประท้วงในรัฐจะสิ้นสุดลงเพื่อแสดงสัญญาณแห่งไมตรีจิต ทว่า โอกาสในการหาข้อตกลงคลี่คลายปัญหาดูเหมือนยังเป็นหาทางที่ยาวไกล