เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันระหว่างฝ่ายสนับสนุน และต่อต้านรัฐบาลในเมืองทางตอนเหนือของโบลิเวียในสัปดาห์นี้เพิ่มเป็น 16 คนแล้ว รัฐบาลเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (13)
อัลเฟรโด ราโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุฟิเดสว่า ศพผู้เสียชีวิต 8 ราย เกือบทั้งหมดเป็นแรงงานชนบทถูกพบบนฝั่งแม่น้ำในปอร์เวเนียร์ ใกล้กับบริเวณที่พบศพอื่นอีก 8 ศพ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
โฆษกกระทรวงมหาดไทยยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวกับเอเอฟพี และกล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมอัยการและคณะแพทย์กำลังมุ่งหน้าไปยังปอร์เวเนียร์ ห่างจากเมืองโคบิจา เมืองหลวงของรัฐปันโด ราว 30 กิโลเมตร
ประธานาธิบดี อีโว โมราเอส ของโบลิเวีย ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ (12) หลังพบศพผู้เสียชีวิต 8 รายแรก
ราโดกล่าวหาผู้ว่าการรัฐปันโด ลีโอพอลโด เฟอร์นานเดซ ซึ่งมาจากฝ่ายค้าน ในภาระรับผิดชอบต่อเหตุ “สังหารหมู่” โดยคนงานติดอาวุธภายในออฟฟิศของเขา โดย ราโด สงสัยว่าแรงงานชนบทถูกยิงอย่างเลือดเย็น ไม่ใช่เสียชีวิตจากเหตุปะทะตามที่ เฟอร์นานเดซ กล่าวอ้าง
เหตุเสียชีวิตถิอเป็นอุทาหรณ์อันเลวร้ายจากความไม่สงบระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลที่ขยายวงกว้างในโบลิเวีย นับตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (9)
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่โยงกับผู้ว่าการฝ่ายค้านในภูมิภาค สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ท้าทายอำนาจของโมราเลส บุกปล้นสำนักงานราชการและเข้ายึดสนามบิน หลังผู้ปกครอง 5 จาก 9 จังหวัดของประเทศ ปฏิเสธแผนปฏิรูปสังคมที่โมราเลส พยายามผลักดัน
โดยผู้ประท้วงได้เข้ายึดอาคารที่ทำการของรัฐ สนามบิน รวมทั้งบริษัทโทรคมนาคม ใน 4 จังหวัดทางตะวันออก คือ ซานตาครูซ, ทาริจา, เบนี และปันโด ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และได้พากันปิดถนนสายหลักที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับรายได้ของรัฐบาลโมราเลส
ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของโมราเลส และโยกเงินรายได้จากการขายก๊าซธรรมชาติไปให้กับชนพื้นเมืองและคนยากจน รวมทั้งการจัดสรรที่ดินเสียใหม่ เพื่อต้องการปฏิรูปประเทศไปสู่ความเป็นสังคมนิยมได้ถูกต่อต้านอย่างหนักจากประชาชนในจังหวัดทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ร่ำรวยที่อุดมไปด้วยทรัพยากรพลังงาน และส่วนใหญ่ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระ
เมื่อวันพุธ (10) โมลาเลสได้ประกาศให้ฟิลิป โกลด์เบิร์ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำโบลิเบีย เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนาและสั่งขับออกจากประเทศโบลิเวียในทันที โดยกล่าวหาว่าเอกอัครราชทูตสหรัฐได้ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกขึ้นภายในประเทศ และทำให้เกิดการแยกตัวของรัฐต่างๆ ในประเทศโบลิเวีย