ชาวเม็กซิโกนับแสนประท้วงร้อง รบ.จัดการปัญหาอาชญากรรม

เอเจนซี - พลเรือนผู้สิ้นหวังชาวเม็กซิโกนับแสนคน หลายคือถือรูปคนที่รักซึ่งถูกลักพาตัว เดินขบวนทั่วประเทศเมื่อวันเสาร์ (30) เรียกร้องรัฐบาลจัดการปัญหาฆาตกรรมอย่างอุกอาจและลักพาตัว

ฝูงชนชุมนุมภายใต้แสงเทียนคือความท้าทายต่อรัฐบาลของประธานาธิบดีเฟลิเป คาลเดรอน ผู้วางการต่อสู้กับอาชญากรรมเป็นเป้าหมายอันดับแรก และกระจายกำลังทหารกับตำรวจกว่า 25,000 นาย เข้าแย่งชิงอาณาเขตจากพ่อค้ายาเสพติดผู้ทรงอำนาจ

เสียงตะโกน "พอแล้ว" และ "เม็กซิโกจงเจริญ" ดังขึ้นจากคลื่นของผู้ชุมนุมที่นุ่งขาวมากันเต็มพื้นที่ของจตุรัสโซคาโล ที่ใหญ่โตของเม็กซิโกซิตี ทั้งนี้ผู้ประท้วงจุดเทียนแวววาวในความมืดขณะที่พวกเขาร้องเพลงชาติก่อนสลายตัวไป

"พอแล้ว ลักพาตัว ตำรวจคอร์รัปชัน และระบบยุติธรรมที่ผุพัง" ริคาร์โก โรเบิลโด ผู้ประท้วงรายหนึ่งบอก "นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง"

เจ้าหน้าที่ของเมืองปฏิเสธคาดหมายตัวเลขผู้ประท้วง แต่จตุรัสโซคาโล สามารถจุคนได้ 100,000 คน ทั้งนี้ผู้คนอีกราวหมื่นคนล้นไปตามถนนที่อยู่รอบๆ หลังไม่สามารถเบียดเสียดเข้าไปในจตุรัสได้ ขณะที่อีกหลายพันคนรวมตัวชุมนุมกันตามเมืองต่างๆทั่วประเทศ

ในเมืองหลวง โรมานา ควินเตรา วัย 72 ปี สวมเสื้อยืดที่มีภาพของหลานสาวที่ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่เมื่อ 5 ปีก่อน หลังมือปืนบุกเข้าไปในบ้านฆ่าคนในครอบครัว ทั้งนี้ผู้ต้องหาสองคนที่ถูกจำคุกในคดีดังกล่าวปฏิเสธเปิดเผยถึงชะตากรรมเด็ก และควินเตรา บอกว่าหน่วยสืบสวนปล่อยคดีนี้ไปแล้ว

แม้สามารถจับกุมตัวการใหญ่ค้ายาเสพติดหลายคน แต่มีความคืบหน้าด้านหลักฐานเพียงเล็กน้อย นับตั้งแต่รัฐบาลของคาลเดรอน ลงมือปราบปราม

ฆาตกรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่พ่อค้ายาพติดเปิดศึกกับอีกฝ่ายเพื่อควบคุมเส้นทางขนส่งและโจมตีตำรวจต่อเนื่องแทบไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะปฏิบัติการของแก๊งในรัฐชีวาวา เพียงรัฐเดียว มีผู้ถูกฆ่าไปแล้ว 800 ศพในปีนี้ มากกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า

นอกจากนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา ศพไร้ศีรษะกว่า 10 ศพ ถูกพบในยูกาตังเพนินซูลา ที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเม็กซิโก "คันคุน"

อาชญากรรมในเม็กซิโกขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่คาลเดรอนประกาศมาตรการใช้กำลังทหารกวาดล้างยาเสพติด โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีรายงานผู้เสียชีวิตจากการสังหารของกลุ่มอาชญากรแล้วกว่า 2,700 ราย ขณะที่มีรายงานการลักพาตัวแล้ว 323 คดี ซึ่งตัวเลขอาชญากรรมทั้งสองลักษณะต่างสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับตัวเลขเมื่อปีก่อน