xs
xsm
sm
md
lg

ยาเลี้ยงไข้ ‘หนี้เน่า’ ร้ายกว่าตัวเชื้อโรค

เผยแพร่:   โดย: ปีเตอร์ ชิฟฟ์

(จากเอเชียไทมส์ออนไลน์www.atimes.com)

Bailout cure worse than disease
By Peter Schiff
28/07/2008

การที่รัฐบาลอเมริกันอุ้มหนี้เน่าของแฟนนี่ เมย์ และเฟรดดี้ แมค เป็นการกำจัดเครื่องยับยั้งทั้งหลายที่ควรมีตามกลไกตลาดและเปิดทางโล่งแก่การปล่อยกู้อย่างประมาทในสินเชื่อทั่วๆ ไป และในเมื่อราคาบ้านที่อยู่อาศัยของคนอเมริกันในปัจจุบันได้เฟ้อเกินจริงไปไกลจากปัจจัยพื้นฐานเสียเหลือเกินแล้ว การจะดันให้ราคาเขยิบสูงยิ่งๆ ขึ้นไปย่อมจะต้องผลักดันด้วยการปล่อยกู้อย่างปล่อยปละ ซึ่งย่อมจะส่งผลไปถึงปัญหาภาวะเงินเฟ้อรุนแรงนั่นเอง เราจะตายเพราะยา ก่อนที่จะต้องตายเพราะเชื้อโรค

ในเมื่อประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เลิกขู่จะใช้สิทธิวีโต้ ร่างกฎหมาย‘อุ้มหนี้เน่า’ทั้งในส่วนของหนี้ซับไพร์มตลาดจำนองอสังหาริมทรัพย์ และส่วนของหนี้เสียในแฟนนี่ เมย์ กับเฟรดดี้ แมค น่าจะลอยลำผ่านรัฐสภาอเมริกันได้ไม่ยาก และสืบเนื่องจากการออกกฎหมายดังกล่าวนี้ รัฐสภาจะทวีหนี้สินของประเทศให้ไปจนถึงระดับ 10.6 ล้านล้านดอลลาร์ทีเดียว

ทันทีที่มีการลงนามให้ร่างพ.ร.บ.กลายเป็นกฎหมายสมบูรณ์ ฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งจะพาให้งบประมาณของประเทศเสียหายอย่างหนัก ก็จะส่งมอบเช็คเปล่าแก่ฝ่ายบริหารนำไปฟื้นชีพแก่พวกลูกหนี้จดจำนองซึ่งมีฐานะการเงินยอบแยบเกินกว่าจะแบกหนี้ได้ไหว ต้นทุนแท้จริงในเรื่องนี้นับว่าเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาถูกต้อง และราคาของมันก็น่าจะสูงเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ ขณะที่รมว.คลัง เฮนรี่ พอลสัน ก็จะมีบาซูก้าอันเพียบพร้อมด้วยกระสุนเหลือเฟือแก่การผลาญทุกสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

แม้ว่ารัฐบาลและพวกวอลล์สตรีทจะรับประกันกับผู้คนว่า การเดินนโยบายอันหาญกล้าเหล่านี้จะช่วยรักษาตลาดที่อยู่อาศัยและระบบเศรษฐกิจโดยรวมให้ปลอดภัยจากการล่มสลายได้สำเร็จ แต่ความเป็นจริงกลับมีอยู่ว่า แนวทางแก้ปัญหานั้นเป็นสิ่งที่ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าตัวปัญหา ขณะที่การล้มของเฟรดดี้และแฟนนี่จะสร้างความรวดร้าวได้อย่างใหญ่หลวง กระนั้นก็ตาม การอุ้มเฟรดดี้และแฟนนี่ไว้จากปัญหาหนี้เสียมหาศาล กลับจะทำร้ายระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าประเทศจะตายเพราะยา ก่อนที่จะต้องตายเพราะเชื้อโรค

ช่างน่าเย้ยหยันเสียเหลือเกิน ในขณะที่รัฐบาลวิพากษ์ปัญหาได้อย่างถูกต้องว่า สถาบันผู้ปล่อยสินเชื่อจดจำนองเป็นตัวการสร้างความเสียหายแก่มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อภายในช่วงที่ตลาดกำลังเฟื่องฟู แต่แล้วกฎหมายใหม่ก็จะส่งผลในทางหนุนเสริมให้พวกสถาบันเหล่านี้ยิ่งทวีความประมาทเลินเล่อในการดำเนินงานมากกว่าที่เคยเป็นมา

โดยการผ่องถ่ายเอาความเสี่ยงออกไปจากการปล่อยสินเชื่อจดจำนอง รัฐบาลกำลังส่งสารถึงพวกบริษัทผู้ปล่อยกู้ว่าไม่ต้องกังวลกับการอนุมัติสินเชื่อทั้งหลายทั้งปวงเลย ในเมื่อถ้าลูกหนี้ไม่จ่าย รัฐบาลก็จะจ่ายแทนให้เอง

เนื่องจากการโอบอุ้มหนี้เสียครั้งมโหฬารนี้ได้กำจ้ดเครื่องยับยั้งทั้งหลายที่ควรมีตามกลไกตลาดและเปิดทางโล่งแก่การปล่อยกู้อย่างประมาทในสินเชื่อทั่วๆ ไป ดังนั้น เครื่องตรวจสอบที่ยังมีอยู่เพียงประการเดียวคือ เงื่อนไขและข้อกำหนดที่บังคับใช้กันอยู่ในกระบวนการวิเคราะห์สินเชื่อของเฟรดดี้และแฟนนี่ นอกจากนั้น แม้ว่าทั้งสองยักษ์จะได้เริ่มดำเนินการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรฐานขั้นต่ำของการพิจารณาสินเชื่อในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แต่ผลประโยชน์ทางการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการกำหนดนโยบายอุ้มหนี้เน่าครั้งนี้ ก็จะทำให้ความพยายามที่เพิ่งเริ่มตั้งต้นกันนี้ต้องหมดพลังไปอย่างรวดเร็ว อันที่จริงแล้ว เป้าหมายหลักของรัฐบาลอเมริกันคือการฟื้นระดับราคาที่อยู่อาศัย แต่นั่นจะเป็นจริงได้อย่างไร ในเมื่อราคาบ้านที่อยู่อาศัยของคนอเมริกันในปัจจุบันได้เฟ้อเกินจริงไปไกลจากปัจจัยพื้นฐานเสียเหลือเกินแล้ว การจะดันให้ราคาเขยิบสูงยิ่งๆ ขึ้นไปย่อมจะต้องผลักดันด้วยการปล่อยกู้อย่างปล่อยปละแบบเดิม ซึ่งย่อมจะส่งผลไปถึงปัญหาภาวะเงินเฟ้อรุนแรงนั่นเอง

สิ่งที่จะตามมาจากกฎหมายอุ้มหนี้เสียครั้งนี้ หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นว่าสัดส่วนของสินเชื่อจดจำนองที่อนุมัติหรือค้ำประกันโดยเฟรดดี้และแฟนนี่จะยิ่งทวีสูงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสัดส่วนที่เกือบจะ 50% ในปัจจุบัน ไปสู่ระดับที่มากกว่า 80% ภายในหนึ่งถึงสองปีนี้ ซึ่งหมายถึงการขยายขนาดของปัญหาระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ไปเป็นหายนะขนาด 10 ล้านล้านดอลลาร์ หากรัฐบาลเดินหน้าผลักดันราคาอสังหาริมทรัพย์ให้ดีดตัวขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่รัฐบาลต้องแลกคือการขับเคลื่อนให้ราคาสินค้าอื่นๆ พุ่งทะลุหลังคาลิ่วไปไกล แนวโน้มที่น่าจะเกิดขึ้นมากกว่านั้นคือ ราคาของอสังหาริมทรัพย์จะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามจากภาครัฐที่จะยกมันขึ้นไปก็ตาม ซึ่งนั่นย่อมทวีความซับซ้อนให้แก่ปัญหาและความเสียหาย

ความเป็นจริงที่สาหัสกว่านั้นคือ เม็ดเงินหลายล้านล้านดอกลลาร์ได้ถูกกู้ยืมออกไปและถูกจับจ่ายกระจายไปแล้ว โดยจะไม่มีวันหวนกลับไปชดใช้คืนได้จริง ไม่มีโครงการจากภาครัฐใดๆ สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงตรงนี้ได้ มันหนีไม่พ้นที่ต้องมีใครสักคนที่ดูดซับค่าใช้จ่ายที่ปลิวออกจากกระเป๋าไปแล้วกับห้องครัวหรูและทีวีพลาสม่า ทั้งหลายทั้งปวงที่รัฐบาลอเมริกันทำได้คือ การขยายความเสียหายและเบี่ยงเบนภาระออกไปผ่านช่องทางของสภาวะเงินเฟ้อ ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลก็ไม่สามารถปลุกเสกให้สถานการณ์ราคาบ้านกลับมาเฟื่องฟู ไม่สามารถพลิกฟื้นภาพเพ้อฝันแห่งความรุ่มรวยของอสังหาริมทรัพย์ ในทางใดทางหนึ่งราคาบ้านที่สมด้วยเหตุและผลจะกลับมา ขณะที่นิยายปรับปราที่เล่าขานถึงระบบเศรษฐกิจที่เติบโตด้วยการบริโภคและด้วยการขยายสินทรัพย์ ก็จะกลายเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อถือไปในที่สุด

ครั้งหนึ่ง สถานีโทรทัศน์ CNBC เคยให้ชื่อเล่นแก่ผมว่า “ดร.เฉา” แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมเห็นว่ากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว พวกนั้นควรเรียกผมว่า “ดร.แสงตะวัน” ทั้งนี้ โปรดพิจารณาการวิเคราะห์ที่ผมนำเสนอเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2006 ณ การประชุม Western Regional Mortgage Bankers Conference ในวิดีโอคลิปของการนำเสนอทั้งหมด 8 คลิป ซึ่งล้วนควรค่าแก่การดูชมศึกษาทั้งหมด สำหรับเรื่องอสังหาริมทรัพย์นั้น ให้เริ่มที่คลิปที่ 4

การทำนายเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทุกประการที่ผมนำเสนอในการประชุมดังกล่าว (ซึ่งออกจะรับไม่ค่อยได้สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมในยุคนั้น) ล้วนปรากฏผลว่าเป็นจริงทั้งสิ้น ความรู้สึกของผมในตอนนั้นเป็นความมั่นใจอย่างยิ่งว่าวิกฤตกำลังจะปะทุ มาบัดนี้ผมยิ่งมั่นใจมากกว่าเดิมในเมื่อรัฐบาลอเมริกันท่านได้สาดน้ำมันลงบนกองเพลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ปีเตอร์ ชิฟฟ์ เป็นประธานและหัวหน้าคณะนักยุทธศาสตร์โลกแห่งสถาบัน Euro Pacific Capital เขาเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Crash Proof: How to Profit from the Coming Economic Collapse (Wiley & Sons, 2007) และเขามีกำหนดการจะตีพิมพ์หนังสือเล่มที่ 2 ในช่วงต้นปี 2009 ท่านสามารถเข้าไปอ่านความเห็นและข่าวการตลาดของ Euro Pacific Capital ได้ที่ http://www.europac.net ซึ่งเป็นเว็บจดหมายข่าวออนไลน์เพื่อการลงทุนที่ให้บริการฟรี
กำลังโหลดความคิดเห็น