“มิ่งขวัญ” ประกาศกลางสภา ปวดปัสสาวะจนอั้นไม่ไหวแล้ว หลังฝ่ายค้านเปิดประเด็นซักฟอกตลอดช่วงเช้า เผยเครียดจัด-อดนอน เพราะต้องชี้แจงปัญหาข้าว ระบุ การออกมาบอกว่าข้าวตันละ 3 หมื่น เพราะเป็นประโยชน์กับชาวนา ลั่นเอาเกียรติยศเดิมพัน พร้อมลาออกทันที หากราคาข้าวตกต่ำ ขณะที่ ส.ส.ปชป.ตะเพิดกลับช่อง 9
วันนี้ (26 มิ.ย.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวตอบโต้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยบอกว่า ตนเองได้พยายามเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าแพงและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำให้เกิดความรวดเร็ว แต่มีอุปสรรคที่สำคัญ คือ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดการณ์ว่า จะไปถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในสิ้นปีนี้
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ที่ผ่านมา หลังจากตนเองได้ประกาศในเวทีโลกถึงท่าทีที่ชัดเจนของประเทศไทย ว่า จะไม่ระงับการส่งออกข้าว และไม่ฉกฉวยโอกาสจากวิกฤตอาหารโลก ส่งผลให้มีหลายประเทศติดต่อขอซื้อข้าวจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.51) มีมากกว่า 5 ล้านตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50% และตั้งเป้าส่งออกทั้งปีไว้ที่ 9 ล้านตัน
“ที่ผมออกมาบอกราคาข้าวให้ชาวนารู้ เพราะไม่อยากชาวนาถูกกดราคาข้าวอีกต่อไป มันเป็นการแหวกม่านประเพณีของรัฐมนตรีพาณิชย์ปกติที่เขาไม่ทำกัน” นายมิ่งขวัญ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ถ้าไม่พูดเรื่องข้าว ผมจะนอนตายตาไม่หลับ เรื่องข้าว ตอนผมมาเป็นรัฐมนตรี ปีก่อนมีการจำนำข้าว 4 พัน 5 พัน สต๊อกข้าว 5 ล้านกว่าตัน ก่อนผมมารับตำแหน่ง เหลือข้าว 2 ล้าน 1 แสนตัน ถามว่าตอนผมเข้ามา คำสั่งเบื้องต้นตรวจสต๊อกข้าว ว่ามีอยู่จริงไหม ให้ปลัดกระทรวง ตรวจตราทุก 15 วัน ทั้งหมด 6 ครั้ง 2 ล้าน 1 แสน หายไป 3 พันกว่าตัน ข้อมูลเรื่องข้าวมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“ผมพูดเสมอปีนี้เป็นปีทองของชาวนาไทย สต๊อกข้าวเช็กแล้ว ต้องตัดสินใจ ช่วงแรกไม่ขายออกมา เหตุผล สมัยเด็กๆ ทำงานการขาย ตลาด ประชาสัมพันธ์ แล้วก้าวขึ้นสู่ระดับ ผมเรียกว่าเป็นนักยุทธศาสตร์ เบื้องต้นรับตำแหน่ง 6 ก.พ.51 ต้องตัดสินก่อนว่า ข้าว 2 ล้าน 1 แสนตัน จะทำอย่างไร”
นายมิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า การที่ตนเองกล้าออกมาประกาศราคาข้าวในอนาคตนั้น มีความเสี่ยงต่ออนาคตของตัวเอง เพราะถ้าหากราคาข้าวไปไม่ถึงระดับตามที่บอกไว้ ตนเองก็พร้อมที่จะลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“ผมเอาเกียรติยศกับความเป็นนักยุทธศาสตร์ของผมเดิมพันกับคนทั้งประเทศ ผมสงสารเขา ผมอยากตอบแทนชาวนา” นายมิ่งขวัญ กล่าว
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาราคาข้าว เนื่องจากราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมาก อย่างกรณีข้าวถุงธงฟ้ามหาชนที่ยกเลิกไปหลังสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่จะมีการประเมินสถานการณ์ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าว่าเป็นอย่างไร
ตอนนั้น หลายประเทศอื่นที่ปลูกข้าวเกิดวิกฤต เกิดวิกฤตอาหารโลก โอกาสอย่างนั้น ถ้าท่านเป็นนักยุทธศาสตร์ ต้องพูดความจริง ผมพูดความจริง ชัดๆ ก่อนออกมาพูด ราคาข้าวหอมมะลิ เกวียนละ 3 หมื่นบาท ปกติราคาส่งออกต้องปกปิดทำเงียบๆ รู้กันบางกลุ่ม ผมไม่อยากให้ชาวนาไม่รู้เรื่องรู้ราว ถูกพ่อค้าคนกลาง พ่อผมพูดบอกชาวนาอย่าเพิ่งขายข้าวนะ ถ้ายังไม่ถึง 3 หมื่นบาท ข้ามหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวเหนียว เราพูดถึงข้าวหอมมะลิ และข้าวขาว
“ขอบอกว่า ไม่ใช่ผมไม่รู้ประสา ผมศึกษารายละเอียด นาปรังกำลังจะออก อย่าเพิ่งรีบขาย 3 พัน 4 พัน ข้อสอง อยู่เฉย เอาอนาคตชีวิตตัวเองไปเดิมพันกับคนทั้งประเทศ บอกข้าวราคา 3 หมื่นกว่าบาท ผมรับผิดชอบตัวผมเอง ผมแค่กระดาษใบเดียวเขียนใบลาออก ผมเอาเกียรติยศเดิมพันกับคนทั้งประเทศ ผมสงสารชาวนา ผมได้เป็นตัวเป็นตน ผมอยากตอบแทน”
แล้ววันหนึ่งมาถึง ข้าวหอมมะลิแตะ 3 หมื่น ผมก็บอกขายเถอะครับ โอกาสทองมาถึง ผมยืนยันข้าวราคาสูงในประวัติศาสตร์ชาติไทย มติ ครม.บอกให้ซื้อตามนี้ ตัวละครมี ชาวนา โรงสี ผู้ขายข้าว ผมย้ำผมต้องการให้ชาวนามีความสุข เรื่องการส่งออกข้าว 2.2 ล้านตัน ตลาดล่วงหน้าเป็นการปั่นราคา พูดถึงข้าวถุงธงฟ้าเล็กน้อย ท่านนายกฯกังวลเล็กน้อย อินเดีย และเวียดนาม งดส่งออกข้าว ทุกคนก็มาพูด 2.7 ล้านตัน ประชุมเอเปก ผมแถลงจุดยืนชัด ไทยไม่ห้ามส่งออกข้าว ไทยไม่ฉวยโอกาสวิกฤตอาหารโลก
“ผมบอกตรงๆ ผมไม่ชอบคำว่าธงฟ้า อะไรก็ธงฟ้า ประเด็น ตอนนั้น ยุทธศาสตร์ต้องปรับเปลี่ยน ราคาข้าวในตลาดโลกขึ้นสูงขึ้น ผมมองออก พอข้าวเมืองนอกดีมากๆ ข้าวในประเทศก็ขึ้นสูง ข้าวหน้านสพ.ลงทุกฉบับ ข้าวขาดตลาด ผมเห็นภาพประชาชนเดือดร้อน ผมถามข้าวถุงว่าทำไมขาดตลาด เขาบอกว่าส่งเท่าไหร่ไม่พอใจขาย และหมุนไม่ทัน”
นายมิ่งขวัญ ระบุว่า เดี๋ยวนี้คนซื้อข้าวกันเยอะ วางข้าวในห้าง เงื่อนไขจ่ายเงินคืน 2-3 เดือน ผมเลยถามให้จ่าย 1 เดือน ข้าวจะได้ไม่ขาดตลาด ก็ทำถุงข้าวธงฟ้า ข้าวในห้างมาจากไหนไม่รู้สูงท่วมจะทับ ทำให้ข้าวโผล่มาในท้องตลาด และทำให้ราคาข้าวในตลาดไม่สูงเกินไป
“ผมปวดปัสสาวะตั้งนาน ต้องเล่าตั้งแต่ต้นจนจบ คงต้องขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” นายมิ่งขวัญกล่าว พร้อมยอมรับว่า เมื่อคืนนี้ ตนเองเครียดมากจนนอนไม่หลับ ได้มีโอกาสนอนแค่ 4 ชั่วโมง นึกถึงแต่หน้าผู้อภิปรายลอยอยู่ที่หน้าตลอด พร้อมมองไปที่ นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.พรรคประชาธิปปัตย์
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ามีผู้ได้รับผลประโยชน์จากการค้าปุ๋ยนั้น ตนเองพร้อมจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
**อรรถวิชย์ ตะเพิดกลับช่อง 9
นายอรรถวิชย์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประเด็นวิกฤตราคาข้าว โดยชี้ว่า 4 เดือนที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญ เพิ่งเข้ามารับหน้าที่รีบอะไรนักหนา ประเทศชาติเสียหาย เพราะมีรัฐมนตรีที่ชื่อ มิ่งขวัญ ต้องบอกว่า ท่านก็คืดเหมือนเดิม ไม่เชื่อในระบบทุนนิยมเสรี กลไกตลาด ท่านกำลังทำลายกลไกตลาด
ทั้งนี้ 4 เดือนที่ผ่านมานั้น ล้มเหลว นโยบายปรวนแปร ผู้อภิปรายหลายท่านได้พูดแล้ว ขณะที่ท่านมาเป็น รมว.พาณิชย์ ก็มาพร้อมกับความคาดหวัง โดยนายมิ่งขวัญออกมาระบุในเดือนแรกที่ดำรงตำแหน่งว่า ข้าวหอมมะลิจะมีราคาพุ่งถึงตันละ 3 หมื่นบาท จึงทำให้มีคนกักตุนสินค้า
นายอรรถวิชย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ออกข้างธงฟ้ามหาชน เพื่อแก้วิกฤตกลัวว่าข้าวถุงจะไม่พอ นายกรัฐมนตรี ก็เออออเห็นด้วย แต่วันที่ 4 มิ.ย.ก็ยุติ ทั้งที่คิดว่าจะหาเสียงกันยาว ซึ่งตนเห็นแย้งเรื่องการประกันราคาข้าว เพราะตลาดที่ควรจะทำ คือ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
นายอรรถวิชย์ ยังกล่าวอีกว่า ขอให้นายมิ่งขวัญ เซ็นใบลาออก และขอให้ไปดูแลสิ่งที่ถนัดอย่างช่อง 9 ที่เคยทำมา แล้วประสบความสำเร็จ