เอเจนซี - บริษัท แมคโดนัลด์ คอร์ป, วอล-มาร์ต สโตร์ อิงค์ รวมถึงภัตตาคารอื่นๆ และร้านขายของชำ ได้หยุดขายมะเขือเทศชั่วคราว ระหว่างที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังตรวจสอบสายพันธุ์ของแบคทีเรียที่ปนเปื้อนจนเป็นเหตุมีผู้บริโภคกว่า 20 คน ถูกหามส่งโรงพยาบาล
สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) เมื่อวันเสาร์ (7) ได้เตือนลูกค้าว่า การระบาดของโรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับประทานลูกพลัมแดงดิบ ผักกาดหอมแดงและมะเขือเทศสีแดง รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบ
ทั้งนี้ สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเตือนผู้บริโภคครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน แต่เวลานั้นยังไม่ชี้ว่ามีต้นเหตุมาจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับมะเขือเทศ
ขณะเดียวกัน เมื่อวันเสาร์ ทางเอฟดีเอ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานมีผู้ป่วยอย่างน้อย 145 ราย และในจำนวนนั้นมี 23 ราย ที่ถูกนำตัวโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการเชื่อมโยงกับการระบาดของเชื้อโรคตั้งแต่กลางเดือนเมษายน โดยที่มีต้นเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา
เชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา บ่อยครั้งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร โดยอาการจะปรากฏภายใน 12-72 ชั่วโมง หลังบริโภคอาหารที่มีเชื้อเข้าไป อาทิ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย มีไข้ และ ปวดศีรษะ
อย่างไรก็ตาม ทางเอฟดีเอ ยืนยันว่า ประชาชนมีความปลอดภัยในการบริโภคมะเขือเทศเชอรี มะเขือเทศผลเล็กสำหรับทานสดและไวน์มะเขือเทศ หรือแม้แต่มะเขือเทศที่ปลูกตามบ้าน
แมคโดนัลด์ เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารจานด่วนชื่อดัง “แมคโดนัลด์” กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ได้หยุดเสิร์ฟมะเขือเทศหั่นในแซนวิชเฉพาะในส่วนที่ขายในสหรัฐฯชั่วคราว “นี่คือ มาตรการป้องกันไว้ก่อน เรายังไม่เจอกับปัญหาเหล่านั้น” แถลงการณ์ระบุ อย่างไรก็ตาม ทางร้านยังให้บริการมะเขือเทศผลเล็กสำหรับทานสดบนเมนูสลัดตามเดิม
ขณะที่ วอล-มาร์ต สโตร์ อิงค์ เจ้าของเชนห้างค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลก โพสต์แจ้งบนเว็บไซต์ของบริษัทตั้งแต่วันพฤหัสบดี (5) ว่า ทางบริษัทได้ถอดสินค้าที่อยู่ในบัญชีการเตือนของสำนักงานอาหารและยา
ด้านโฆษกของร้านพิซซ่าชื่อดัง ปาปา จอห์น ค่ายพิซซ่าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐฯ บอกว่า คำเตือนดังกล่าวไม่มีผลต่อร้านในเครือของเขา เนื่องจากทางร้านไม่เสิร์ฟมะเขือเทศดิบ