ไฟแนนเชียลไทมส์ - สวิสรี บริษัทรับประกันภัยต่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังคืบหน้าไปมากแล้วในการหารือกับรัฐบาลประเทศเอเชีย 4 แห่ง เพื่อขายกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งจะจ่ายเงินเป็นจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์สำหรับใช้เป็นกองทุนฉุกเฉินระดับชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมา
แอนเดรียส บอลล์มานน์ หัวหน้าทีมงานพัฒนาธุรกิจในภาคสาธารณะ ประจำพื้นที่แถบเอเชียของสวิสรี กล่าวว่า เขาคาดการเจรจาดังกล่าวจะคืบหน้าเร็วขึ้นอีก จากเหตุพายุไซโคลนถล่มพม่าและแผ่นดินไหวในจีน โดยน่าจะมีการลงนามในกรมธรรม์ฉบับแรกกันได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
กรมธรรม์ประกันภัยธรรมชาติในลักษณะเช่นนี้ จะทำให้รัฐบาลที่ขาดเม็ดเงินในเฉพาะหน้า ได้รับเงินก้อนเพื่อใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้อาจไม่สามารถครอบคลุมค่าความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์ รวมทั้งการฟื้นฟูซ่อมแซมสาธารณูปโภคพื้นฐานในช่วงหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้วได้ แต่ก็จะช่วยให้รัฐบาลไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปดึงเงินมาจากตลาดระหว่างประเทศหรือเปลี่ยนแผนงบประมาณอย่างรีบร้อน
บอลล์มานน์ กล่าวอีกว่า ประเทศทั้งสี่ที่กำลังเจรจากับทางสวิสรี เป็นประเทศขนาดใหญ่ แต่เขาปฎิเสธที่จะให้รายชื่อ โดยบอกแต่เพียงว่า "นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิดครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลในเอเชีย โดยจะนำเอาเงินภาษีของประชาชนมาซื้อประกัน"
ปัจจุบัน เม็กซิโกซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหว เป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่รัฐบาลซื้อกรมธรรม์ประกันภัยธรรมชาติฉุกเฉินเช่นนี้ โดยซื้อจากสวิสรีในปี 2006 และมีวงเงินคุ้มครองสูงสุด 450 ล้านดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน อุลริค ทรัมป์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของมิวนิกรี คู่แข่งสำคัญของสวิสรี กล่าวว่า บริษัทมีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเรียกกันว่า พารามิเตอร์ ทริกเกอร์ หรือ กรมธรรม์ประกันภัยที่มีผลบังคับใช้เมื่อภัยธรรมชาตินั้นร้ายแรงมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กรมธรรม์ระบุเอาไว้ ซึ่งบริษัทได้ลงนามกับภาคเอกชนในภูมิภาคนี้ไปแล้วหลายราย ทว่าไม่ได้มีการทำกับรัฐบาล
สำหรับกรณีของกรมธรรม์ประกันภัยที่สวิสรีเจรจาขายให้กับรัฐบาลในเอเชีย เวลานี้ยังไม่ถึงขั้นตกลงกันในเรื่องวงเงินคุ้มครอง โดย
บอลล์มานน์ กล่าวว่า เพดานของการจ่ายเงินค่าชดเชย อาจจะสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินดังกล่าวจะส่งมอบทันทีเมื่อผู้ประเมินความเสียหายอิสระสรุปยืนยันว่า ความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติสูงเกินกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งจะทำให้กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ทันที
บอลล์มานน์ ชี้ชวนว่า รัฐบาลเอเชียทั้งหลายควรจะทำประกันความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เพราะประเทศในแถบนี้ต้องเผชิญหน้ากับหายนะภัยจากธรรมชาติบ่อยครั้งและมักจะมีงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับเหตุฉุกเฉินเหล่านี้
ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชนในเอเชียก็ยังซื้อกรมธรรม์ประกันภัยชนิดที่ครอบคลุมภัยธรรมชาติกันไม่มาก แม้แต่ในญี่ปุ่นประเทศที่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นดินแดนที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ปรากฏว่าครัวเรือนเพียงหนึ่งในห้าของญี่ปุ่นเท่านั้นที่ซื้อประกันภัยแผ่นดินไหวเอาไว้ ตรงกันข้ามกับในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ครัวเรือนราว 4 ใน 5 ของรัฐทีเดียว ซื้อประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายจากลมแรงจัดและพายุเฮอร์ริเคน
บอลล์มานน์ กล่าวด้วยว่า การทำประกันของภาครัฐต่อภัยธรรมชาติ ยังอาจสามารถช่วยเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
สำหรับมูลค่าของกรมธรรม์แบบนี้ สวิสรี บอกว่า จะกำหนดในทิศทางเดียวกับที่บริษัทเสนอให้กับบริษัทประกันภัยเอกชนทั้งหลาย
นอกจากนี้สวิสรียังแนะนำด้วยว่า ธนาคารโลกและผู้บริจาคนานาชาติอื่นๆ ควรจะสนับสนุนการเจรจาของบริษัทกับรัฐบาลในเอเชีย รวมทั้งน่าจะให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและโครงสร้างของเบี้ยประกันของกรมธรรม์แบบนี้ด้วย
