xs
xsm
sm
md
lg

FAO-OECD ชี้ "อาหาร" ยังจะแพงไปอีก 10 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวปากีสถานแย่งกันรับแจกข้าวในเมืองการาจี
เอเจนซี/ผู้จัดการรายวัน - ราคาอาหารยังจะคงสูงอย่างต่อเนื่องในอนาคตอย่างน้อย 10 ปี ซึ่งจะทำให้พลเมืองโลกนับล้านๆ ต้องเผชิญหน้ากับความหิวโหย ทั้งนี้ตามรายงาน 2 ชิ้นขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) และองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี)

รายงาน "ทิศทางอนาคตด้านอาหาร" (Food Outlook) ของเอฟเอโอ ซึ่งจัดทำกันปีละ 2 ครั้ง ในฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (22) กล่าวว่า การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้านอาหารพุ่งแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ใช่เป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่ราคายังจะคงอยู่ในระดับนี้หรือสูงขึ้นไปอีกในทศวรรษข้างหน้า เพราะ 3 องค์ประกอบที่เป็นแรงหนุน นั่นคือ ความต้องการอาหารที่มีคุณค่าแพงขึ้น,การเพิ่มปริมาณการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ยังคงดำรงอยู่ไม่ได้หายไปไหน

"อาหารจะไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ราคาถูกเหมือนอย่างเดิมอีกต่อไปแล้ว" ฮาเฟซ กาเนม ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่เอฟเอโอบอก

"ราคาที่พุ่งขึ้นจะทำให้สถานการณ์ขาดแคลนอาหารชนิดยอมรับไม่ได้อยู่แล้วของพลเมืองโลกราว 854 ล้านคน ต้องมีอันประสบความยากลำบากมากกว่าเดิม และทำให้เราเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่ว่าจำนวนผู้หิวโหยหรือขาดแคลนอาหารจะเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคน" เขากล่าวต่อ

เอฟเอโอและโออีซีดี ยังยืนยันเอาไว้ในรายงานประเมินสถานการณ์ราคาอาหารในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่งกำหนดนำออกเผยแพร่ในสัปดาห์หน้าว่า ราคาอาหารจะไม่กลับถอยไปอยู่ในระดับก่อนหน้าวิกฤตอีกต่อไปแล้ว

"โดยเฉลี่ยแล้วคาดหมายว่าในช่วงเวลา 10 ปีต่อจากนี้ไป ราคาตามมูลค่าเงินตรา (ไม่หักปัจจัยด้านเงินเฟ้อ) ของพวกเมล็ดธัญพืช,ข้าว และเมล็ดพืชให้น้ำมัน จะสูงกว่าระดับเฉลี่ยของช่วง 10 ปีที่ผ่านมาราว 35-65 เปอร์เซ็นต์" เป็นข้อความในบทสรุปของรายงานที่เอฟเอโอกับโออีซีดีร่วมกันจัดทำฉบับนี้ ซึ่งใช้ชื่อว่า "ทิศทางอนาคตด้านการเกษตรปี 2008-2017" (Agricultural Outlook 2008-2017)

สำหรับ "ราคาแท้จริง (หักลบปัจจัยด้านเงินเฟ้อแล้ว) ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเมื่อทศวรรษที่แล้วราว 10-35 เปอร์เซ็นต์" บทสรุปของรายงานนี้กล่าวต่อ

ในส่วนของรายงานทิศทางอนาคตด้านอาหาร เอฟเอโอบอกด้วยว่า แม้หลายฝ่ายจะคาดว่าการเก็บเกี่ยวพืชผลในปีนี้จะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็แทบจะช่วยบรรเทาสถานการณ์ยากลำบากของประชากรโลกที่ยากจนไม่ได้เลย

รายงานของเอฟเอโอ กล่าวว่า สภาพภูมิอากาศที่ดี รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกจะทำให้ผลผลิตเมล็ดธัญพืชปีนี้เพิ่มขึ้น 3.8 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะผลผลิตข้าวสาลีจะเพิ่มขึ้นถึง 8.7 เปอร์เซ้นต์ ซึ่งเอฟเอโอเห็นว่านี่เองเป็นปัจจัยทำให้ราคาข้าวสาลีเริ่มชะลอตัวลง แต่ก็ยังย้ำว่าราคาจะไม่กลับมาลงในระดับก่อนหน้าที่เกิดวิกฤตอย่างแน่นอน

สำหรับข้าวที่เป็นอาหารหลักของประชากรมากกว่าครึ่งโลก รายงานของเอฟเอโอ เห็นว่า จะยังคงมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดโลกต่อไป และพวกประเทศยากจนที่ต้องนำเข้าอาหารจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ หลังจากราคาได้พุ่งขึ้นไปในระดับใกล้เคียงกันเมื่อปี 2007 อยู่แล้ว

รายงานยังได้กล่าวอีกว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับการนำเข้าอาหารของประเทศยากจนที่พุ่งขึ้นเรื่อย ๆ จะก่อให้เกิดสถานการณ์ที่น่าวิตก เพราะปัจจุบันประเทศเหล่านี้จะต้องใช้เงินเป็นสี่เท่าตัวของปี 2000 ในการนำเข้ารายการอาหารหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น