เอเจนซี/เอเอฟพี - ไอเอ็มเอฟปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้โตช้าลงเหลือ 4.1% หวั่นวิกฤติในตลาดการเงินในปัจจุบันอาจยิ่งลดความต้องการในประเทศพัฒนาแล้วและแพร่กระจายไปสู่ประเทศตลาดเกิดใหม่และชาติกำลังพัฒนา
ไซมอน จอห์นสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ แถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (29) ว่า ณ ตอนนี้ เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัวอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟไม่ได้กล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะก้าวลงสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ แต่พูดชัดเจนว่าองค์การเงินระหว่างประเทศแห่งนี้เตรียมพร้อมรับข่าวร้ายที่อาจจะมีมากขึ้นในอนาคต
ไอเอ็มเอฟ กล่าวในรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Outlook ฉบับปรับปรุงใหม่ จากฉบับที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า ดุลความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงอยู่ในด้านลบ
ในรายงานฉบับปรับปรุงใหม่นี้ ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดตัวเลขพยากรณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 4.1% จากที่คาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับที่แล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะโต 4.4% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่อ่อนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งในปีนั้น เศรษฐกิจโลกเติบโตเพียง 3.6% ขณะที่เศรษฐกิจโลกเมื่อปีที่แล้วเติบโต 4.9%
ไอเอ็มเอฟยังได้ปรับลดตัวเลขพยากรณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลง 0.4% มาอยู่ที่ 1.5% อีกทั้งยังปรับลดตัวเลขพยากรณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในแถบยูโรโซนลง 0.5% มาอยู่ที่ 1.6%
ไอเอ็มเอฟได้อธิบายถึงโมเมนตัมของภาวะชะลอตัวในเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยใช้การพยากรณ์เศรษฐกิจในไตรมาส 4 เปรียบเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ของปีนี้ จะโตขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ในปีที่แล้ว ขณะที่ได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วจะโต 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 เมื่อปี 2006
"วิกฤติในตลาดการเงินซึ่งเกิดขึ้นจากภาคตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ประเภท "ซับไพรม์"ในสหรัฐฯ....ทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่การเทขายครั้งใหญ่ในตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น" ไอเอ็มเอฟกล่าว
องค์การการเงินระหว่างประเทศแห่งนี้ กล่าวว่า ความเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกก็คือ ความปั่นป่วนในตลาดการเงินในปัจจุบันอาจยิ่งลดดีมานด์ในประเทศพัฒนาแล้ว และอาจแพร่กระจายขนานใหญ่ไปสู่ประเทศตลาดเกิดใหม่และชาติกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟได้พิจารณาตัวเลขจากข้อมูลความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ข้อมูลดังกล่าวปรับลดยอดคาดการณ์การเติบโตในช่วงปี 2005-2008 ลดลงราว 0.5% ต่อปี เมื่อเทียบกับตัวเลขของไอเอ็มเอฟในรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ในส่วนของประเทศเอเชียนั้น ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดการพยากรณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่นลง 0.2% มาอยู่ที่ 1.5% ทว่า ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโต 10% ซึ่งอยู่ในระดับที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าการส่งออกจะเติบโตช้าบ้างก็ตาม
สำหรับการประชุมของผู้นำชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ในยุโรปซึ่งมีขึ้นในกรุงลอนดอน อังกฤษ เมื่อวันอังคารนั้น ผู้นำจากอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เรียกร้องให้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้มากขึ้น ในเรื่องของการจัดระดับเครดิต อีกทั้งยังเรียกร้องให้ธนาคารรายงานชี้แจงถึงความเสี่ยงที่ประสบหลังจากเกิดวิกฤติสินเชื่อตึงตัวไปทั่วโลก