เอเอฟพี – ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลนองเลือดภายหลังการเลือกตั้งในประเทศเคนยา พุ่งสูงเกิน 700 รายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุ ในวันนี้ (13) ขณะที่ผู้นำทางการเมืองทั้งสองฝ่ายยังคงถูกนานาชาติกดดันให้ลดราวาศอก และทิ้งการตั้งเงื่อนไขต่างๆ แล้วหันมาเจรจากันอย่างตรงไปตรงมา
“ยอดผู้เสียชีวิตทั่วทั้งประเทศพุ่งสูงกว่า 700 รายแล้ว” นายตำรวจระดับสูงผู้หนึ่งกล่าว ภายหลังได้รับรายงานจากนายตำรวจอาวุโสอีกคน ว่า พบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 89 ราย ในจังหวัดริฟต์ แวลลีย์
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุจลาจลคราวนี้พุ่งสูงขึ้น หลังจาก บันคีมุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ออกโรงเตือนประธานาธิบดี เอ็มวาอิ กิบากี และ ไรลา โอดิงกา ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งอ้างว่าถูกปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ว่า ความล้มเหลวในการเจรจาเพื่อคลี่คลายวิกฤตความรุนแรง จะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่
ทั้งนี้ โอดิงกา ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของเคนยา ยังคงยืนกรานไม่ยอมรับการครองตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ของกิบากี หรือการเจรจาใดๆ กับผู้นำคนดังกล่าว จนกว่ากีบากีจะยอมรับว่าโกง
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่เดินทางออกจากกรุงไนโรบีของเคนยา เมื่อวันศุกร์ (11) ที่แล้ว หลังจากเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างผู้นำทั้งสองฝ่าย กล่าวเมื่อวานนี้ (12) ว่า เป็นเรื่อง “จำเป็น” ที่กีบากี และโอดิงกา ต้องหันมานั่งคุยกัน “อย่างตรงไปตรงมาและปราศจากการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า”
ยังมีผู้อพยพออกจากบ้านเรือนเกือบ 260,000 ราย โดยส่วนมากอยู่ในจังหวัดริฟต์ แวลลีย์ จากเหตุจลาจลนองเลือดครั้งนี้ หลังจากกิบากีประกาศตัวเป็นผู้ชนะ และทำพิธีสาบานตนเข้าตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ในทันที โดยไม่สนใจการท้วงติงเรื่องความผิดปกติต่างๆ ในขั้นตอนการนับคะแนนจากนักสังเกตการเลือกตั้งของนานาประเทศ
ด้านสมาคมกาชาดแห่งเคนยา ออกโรงเตือนเมื่อวานนี้ถึงสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ของผู้ลี้ภัยสงครามกลางเมือง โดยได้รับรายงานจากค่ายผู้อพยพ ว่า มีคนป่วยเป็นไข้มาลาเรีย, ปอดอักเสบ, โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ตลอดจนโรคอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุจลาจลนองเลือดภายหลังการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทำลายชื่อเสียงด้านความปลอดภัยของเคนยา พร้อมกันนี้ ยังสร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกชา หรือการท่องเที่ยวอีกด้วย
