วันนี้ (22 พ.ย.) นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้เข้าสู่ขั้นที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรง ทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยมีพื้นที่ประสบภัยรวม 7 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, และปัตตานี ครอบคลุม 66 อำเภอ 316 ตำบล 2,258 หมู่บ้าน ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างถึง 239,699 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนคน 645,247 คน โดยภาพรวมระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ ปภ. ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงนอกพื้นที่ประสบภัย เข้าสนับสนุนปฏิบัติการเร่งด่วน โดยมีการส่งทีมปฏิบัติการ และ เครื่องจักรกลสาธารณภัย รวม 34 รายการ จากศูนย์ ปภ. เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน, รถสูบน้ำระยะไกลรวม 3 คัน, รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 2 คัน, รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 3 คัน และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆ รวมถึงมีการเสริมกำลังจากศูนย์ ปภ. เขต 3 ปราจีนบุรี และ เขต 14 อุดรธานี เพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์ ปภ. เขต 11 สุราษฎร์ธานี และ เขต 12 สงขลา ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ปภ. ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงนอกพื้นที่ประสบภัย เข้าสนับสนุนปฏิบัติการเร่งด่วน โดยมีการส่งทีมปฏิบัติการ และ เครื่องจักรกลสาธารณภัย รวม 34 รายการ จากศูนย์ ปภ. เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย รถผลิตน้ำดื่ม 1 คัน, รถสูบน้ำระยะไกลรวม 3 คัน, รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 2 คัน, รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 3 คัน และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆ รวมถึงมีการเสริมกำลังจากศูนย์ ปภ. เขต 3 ปราจีนบุรี และ เขต 14 อุดรธานี เพื่อสนับสนุนการทำงานของศูนย์ ปภ. เขต 11 สุราษฎร์ธานี และ เขต 12 สงขลา ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด


