นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือถึงประธาน กกต. ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาซึ่งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่ายังคงเป็น หรือคงไว้ซึ่งการเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ที่อาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 หรือไม่ และจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ ดังนี้
1. น.ส.สุดาวรรณ ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งรายได้ ต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 โดยแจ้งรายการซื้อขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงินไว้ ดังนี้ มีรายได้จากการขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงิน 459,364,000 บาท มีเงินให้กู้ยืมเป็นลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น 5 ราย รวม 459,364,000 บาท
2. ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 นส.สุดาวรรณ ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. ในฐานะรัฐมนตรีอีกกรณี จึงควรใช้บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รวมทั้งรายได้ที่ยื่นต่อป.ป.ช.กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาเป็นข้อมูล ในการตรวจสอบรายได้จากการขายหุ้นแต่ยังไม่ได้รับเงิน แต่ตั้งเป็นลูกหนี้ไว้ ว่า น.ส.สุดาวรรณ มีการขายหุ้นดังกล่าวจริงหรือไม่ เพราะเหตุใดการขายหุ้นจึงไม่ได้รับชำระเงินเลย และทำไมจึงแจ้งเป็นเงินให้กู้ยืม (ลูกหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น) ด้วยจำนวนที่เท่ากัน คือ 459,364,000 บาท
3. หาก กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีเหตุอันควรสงสัยว่า ณ วันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี การซื้อขายหุ้นดังกล่าวยังไม่ได้ชำระเงินซึ่งมีจำนวนสูงมากนั้น จะเข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพรางการถือหุ้นไว้ให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่นไม่ว่าในทางใดๆ ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 วรรคสี่ หรือไม่ จะถือได้ว่า น.ส.สุดาวรรณ ยังคงไว้ซึ่งความเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งหากถือเกินร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่าเข้าข่ายกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 วรรคหนึ่ง หรือไม่อันจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่
4. เนื่องจาก น.ส.สุดาวรรณ ได้แสดงรายการหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือไว้ด้วย รวมเป็นเงิน 193,725,000 บาท โดยมี 3 รายการ ซึ่งกู้จากนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล 2 รายการ และ กู้จากนางยลดา หวังศุภกิจโกศล 1 รายการ ที่มีคำอธิบายระบุไว้ว่า เป็นเจ้าหนี้สัญญาซื้อขายหุ้น วันที่ทำสัญญา คือ 17 กรกฎาคม 2562 ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบครบถ้วนรอบด้าน จึงขอให้ กกต.นำข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายวีรศักดิ์ และนางยลดา ที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช.ทุกครั้ง มาประกอบการตรวจสอบ เพื่อให้ทราบถึงรายการเคลื่อนไหวด้านเดบิท หรือเครดิตทางบัญชีหรือรายการรับ-จ่ายทางการเงิน (ถ้ามี) เกี่ยวกับการการซื้อขายหุ้นหรือจำหน่ายจ่ายโอนหุ้น หรือเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้นดังกล่าวด้วยว่า มีที่มาที่ไปอย่างไร และมีความเกี่ยวข้องกับการเป็นรัฐมนตรีของวีรศักดิ์ มาก่อนด้วย หรือไม่