นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวสารกรณีมีการใช้อาวุธปืนกราดยิง รวมทั้งกรณีเจ้าหนี้ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ลูกหนี้นอกระบบในพื้นที่ต่างๆ นั้น เพื่อเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศ ตนจึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ดำเนินการรักความสงบเรียบร้อย ดังนี้
1. ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน อาสาสมัคร ทุกหมู่บ้าน ออกตรวจตราดูแล รักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกประเภท เพื่อสร้างความอบอุ่นแก่ประชาชน ว่ามีเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราอย่างสม่ำเสมอ
2. ให้จังหวัดและอำเภอ จัดชุดสายตรวจ และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ได้รับผลกระทบ แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
3. ให้จังหวัดร่วมกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และให้อำเภอร่วมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร ติดตามดำเนินคดีกับผู้ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ คุกคามโดยมิชอบด้วยกฎหมายทุกตัวบทกฎหมายอย่างเฉียบขาด มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
4. ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่รายงานผลการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุในพื้นที่ทันทีและเมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติ
5. ให้กรมการปกครองติดตามรายงานประเมินผลการปฏิบัติสรุปผลและแจ้งให้ทางกระทรวงมหาดไทยทราบทุกเดือน
นอกจากนี้ ตนยังได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศกำชับให้ทีมฝ่ายปกครองทั้งที่ทำการปกครองจังหวัด และที่ทำการปกครองอำเภอ ได้บูรณาการร่วมกับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด สถานีตำรวจภูธร สำนักงานสรรพากรพื้นที่ รวมถึงทีมแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของอำเภอ/จังหวัด นำประมวลข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน เพื่อเร่งดำเนินการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้โดยเร็วที่สุด
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้กำลังข่มขู่ลูกหนี้และผู้แจ้งเบาะแส โดยกระทรวงมหาดไทยจะบูรณาการร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำตัวผู้กระทำความผิดทุกรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยไม่มีการละเว้นแก่ผู้ใดทั้งสิ้น หากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสการกระทำผิดในลักษณะการใช้อาวุธปืนข่มขู่ลูกหนี้ หรือกรณีอื่นๆ ที่เป็นการคุมคามพี่น้องประขาชน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 และ 191 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เเจ้งเบาะเเสจะถูกคุ้มครองและปกปิดเป็นความลับ ป้องกันไม่ให้พลเมืองดีต้องได้รับภัยจากการเเจ้งเบาะเเสดังกล่าว
