พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังร่วมกับตำรวจ สน.สายไหม ตรวจสอบผลการชันสูตรศพ พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ ก่อนนำผลไปสรุปสำนวนคดี ว่า ผลการตรวจหาสารเสพติดในเลือดผู้ตาย เบื้องต้นพบสารเสพติดกลุ่มกัญชาในร่างกาย โดยต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตอบคำถามสังคมได้ คาดว่าอีก 3 วันจึงจะทราบผล เบื้องต้นแพทย์รายงานสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการเสียเลือด แต่ไม่พบกระสุนตกค้างในร่างกาย เนื่องจากกระสุนทะลุออกจากร่างทั้งหมด มีบาดแผลรอยถากตามร่างกาย แต่จุดที่กระสุนเข้า เป็นร่างกายช่วงหน้าอกลงไป มีกระสุนทะลุปอดและมีอาการตกเลือดในช่องท้อง ยืนยันว่าไม่ได้หวังเอาชีวิต แต่เนื่องจากขณะเจ้าหน้าที่พยายามบุกเข้าคุมตัว โดยใช้กระสุนยางและปืนไฟฟ้า สารวัตรได้ยิงปืนตอบโต้ ทำให้ตำรวจอีกชุดหนึ่งที่ใช้กระสุนจริง ยิงตอบโต้ จนสารวัตรกระโดดจากหน้าต่างชั้น 2 ร่วงลงมาข้างล่าง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย โดยเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่สามารถเจรจาได้ กระทั่งแพทย์จิตเวชเจรจาและประเมินแล้วพบว่า เกินเยียวยา จึงจำเป็นต้องบุกเข้าชาร์จ ส่วนที่พี่ชายของผู้ตายซึ่งเป็นผู้กำกับการตำรวจ ติดใจในสาเหตุการตายว่าเกิดจากการทำร้ายร่างกายหรือไม่ ประเด็นนี้สามารถอธิบายทางการแพทย์ได้ว่า เกิดจากการปะทะ หลังจากนี้จะรายงานผลให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับทราบและให้ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงอีกครั้ง
ขณะที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เข้าไปทำภารกิจครั้งนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมชี้แจงการปฏิบัติงาน ซึ่งตำรวจทำงานตามยุทธวิธีสามารถชี้แจงได้ ถึงแม้จะใช้เวลาในการปฏิบัติงานร่วม 28 ชั่วโมง ไม่ถือเป็นความล้มเหลว เพราะทุกขั้นตอนมีการวางแผนอย่างละเอียด รัดกุม และป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะหารือเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวของสารวัตร เพราะมองว่าเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่สร้างคุณงามความดีมาตลอดการรับราชการ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ขณะเดียวกัน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปรวบรวมกระสุนและพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมจำลองเหตุการณ์ก่อนนำผลมาประกอบสำนวนคดี
สำหรับร่างของสารวัตรกานต์ ญาติและครอบครัวจะนำไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดสุทธิสะอาด ย่านคลองสามวา โดยมีกำหนดการสวด 1 คืน ก่อนทำพิธีฌาปนกิจและนำกระดูกกลับภูมิลำเนาต่อไป
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสีย โดยเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาทุกวิถีทางแล้ว แต่ไม่สามารถเจรจาได้ กระทั่งแพทย์จิตเวชเจรจาและประเมินแล้วพบว่า เกินเยียวยา จึงจำเป็นต้องบุกเข้าชาร์จ ส่วนที่พี่ชายของผู้ตายซึ่งเป็นผู้กำกับการตำรวจ ติดใจในสาเหตุการตายว่าเกิดจากการทำร้ายร่างกายหรือไม่ ประเด็นนี้สามารถอธิบายทางการแพทย์ได้ว่า เกิดจากการปะทะ หลังจากนี้จะรายงานผลให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับทราบและให้ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงอีกครั้ง
ขณะที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เข้าไปทำภารกิจครั้งนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมชี้แจงการปฏิบัติงาน ซึ่งตำรวจทำงานตามยุทธวิธีสามารถชี้แจงได้ ถึงแม้จะใช้เวลาในการปฏิบัติงานร่วม 28 ชั่วโมง ไม่ถือเป็นความล้มเหลว เพราะทุกขั้นตอนมีการวางแผนอย่างละเอียด รัดกุม และป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะหารือเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงครอบครัวของสารวัตร เพราะมองว่าเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่สร้างคุณงามความดีมาตลอดการรับราชการ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ขณะเดียวกัน ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปรวบรวมกระสุนและพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมจำลองเหตุการณ์ก่อนนำผลมาประกอบสำนวนคดี
สำหรับร่างของสารวัตรกานต์ ญาติและครอบครัวจะนำไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดสุทธิสะอาด ย่านคลองสามวา โดยมีกำหนดการสวด 1 คืน ก่อนทำพิธีฌาปนกิจและนำกระดูกกลับภูมิลำเนาต่อไป