น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนต่อขยายเฟส 4 ยังไม่ใช้คำว่าเฟส 5 เนื่องจากเป็นการนำงบประมาณที่คงเหลือจากการดำเนินเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 และข้อกำหนดเดิมมาใช้ต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคำนวณวงเงินงบประมาณคงเหลือจากเฟส 4 ที่คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมนี้ จะได้สรุปชัดเจนแน่นอน โดยในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) วันที่ 6 พฤษภาคมนี้ จะนำหลักการเสนอในที่ประชุมพร้อมกับโครงการทัวร์เที่ยวไทย ก่อนจะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยเบื้องต้นประเมินว่า หากทุกอย่างมีความพร้อม ก็มีโอกาสเริ่มดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ส่วนต่อขยายเฟส 4 ได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจโรงแรม ที่สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) จะเพิ่มสิทธิจำนวนห้องพักให้ผ่านการจัดทำโปรโมชั่นพิเศษให้กับนักท่องเที่ยว ที่ไม่ได้ใช้สิทธิ 40% ของเราเที่ยวด้วยกัน ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน พลัส ขณะนี้สมาคมจะหารือกับสมาชิก ในรูปแบบของโปรโมชัน ว่าจะเป็นส่วนลดอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ หรือการพักกี่คืนแล้วแถมกี่คืน อาทิ จองห้องพัก 2 คืน แถม 1 คืน รวมถึงจำนวนสิทธิห้องพักที่เอกชนทำโปรโมชันให้ จะมีจำนวนกี่สิทธินั้น ต้องรอดูข้อเสนอของเอกชนในการหารือกันก่อน รวมถึงอยากให้เกิดการกระจายสิทธิมากที่สุด เนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน) แล้ว การให้ห้องราคาพิเศษก็อาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ สำหรับโครงการทัวร์เที่ยวไทย คาดว่าจะขยายให้ใช้ได้ถึงเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวเดือนเมษายนที่ผ่านมา เห็นการกลับหัวขึ้น เพราะจากที่ ททท. คาดการณ์ไว้ทั้งเงินสะพัด อัตราการเข้าพัก และจำนวนคนเดินทาง พบว่าทำได้มากกว่าคาดทั้งหมด ทำให้เห็นแล้วว่าแต่ละภูมิภาคตอนนี้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวกลับมา ในบางพื้นที่ บางจังหวัด อัตราการเข้าพักกลับมาเท่าปี 2562 หรือช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 แล้ว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เดินทางแบบโรดทริปได้ ซึ่งการที่รัฐบาลเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ถือว่ามีประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวไทยแน่นอน
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความท้าทายครึ่งหลังของปี 2565 อยู่ที่กระแสคนไทยเดินทางเที่ยวนอก ที่ต้องหาทางทำให้คนกลุ่มนี้กลับมาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้น สร้างประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวไทย เพราะคนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศก็เพราะต้องการได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง โดยพบว่าตัวเลขในระบบไทยแลนด์ พาส มีคนไทยกลับมา 30% จากตัวเลขทั้งหมด รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดจากสงครามรัสเซียและยูเครน ทำให้น้ำมันแพงขึ้น กระทบกับการเดินทางท่องเที่ยว แต่คงไม่ได้กระทบสูงมากนัก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เที่ยวกันต่อเนื่องหลายปีมากแล้ว เกิดการอั้น และต้องการความถี่ในการท่องเที่ยวมากขึ้น
