“ประยุทธ์” พอใจ ตัวเลขนักท่องเที่ยว หลังเปิดประเทศ 1 พ.ค. ยันยังไม่เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน คาด ไตรมาส 4 เข้า 20 ล้านคน แม้สถานการณ์เปราะบางจากสงคราม-โควิด-19
วันนี้ (3 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ จากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้แถลงภาวะเศรษฐกิจเดือน มี.ค.ซึ่งภาวะเศรษฐกิจและการเงินลดลงจากก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในต่างประเทศ ทั้งภาคเอกชนและการลงทุนลดลงจากในสถานการณ์ปัจจุบันพอสมควร แต่ในส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้า และจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ถือเป็นแนวโน้มที่ดี จากวันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นมา มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ประชาชนเข้ามาวันละเป็นหมื่นราย คาดการณ์ว่า จะทำให้การบริโภคภายในประเทศดีขึ้น จากการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 65 ปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ จากมูลค่าส่งออกของราคาสินค้า และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่สำหรับอัตราเงินเฟ้อ อาจจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าตามราคาของพลังงาน ซึ่งอันนี้เราควบคุมไม่ได้ แต่จะหามาตรการดูแลอย่างไร ซึ่งวันนี้เรามี 10 มาตรการที่ออกไปแล้ว และจะติดตามสถานการณ์ทุก 1 เดือน ว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร ขณะนี้ทั้งกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง ได้รับไปดูแลแล้ว โดยมีรายงานว่า ปรับตัวดีขึ้น มีการผลิต การส่งออกมากขึ้น แต่โดยรวมยังมีความเปราะบางอยู่จาก 2 ปัญหาเดิม คือ สถานการณ์โควิด-19 และสงคราม การประมาณการเศรษฐกิจเราคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีไว้อยู่ประมาณ 3.5 จากเดิมคือคาดการณ์ไว้ที่ 4.0 แต่มีสถานการณ์สงคราม ความขัดแย้งเข้ามา ประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยอาจชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งประเทศที่ส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ก็แก้กันต่อไป ทุกประเทศก็มีปัญหาเหมือนกันในเวลานี้ ตนคิดว่า หลายประเทศยิ่งกว่าเรา
นายกฯกล่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอยู่ 34.35 ต่อดอลลาร์ ถือเป็นการอ่อนค่าลงร้อยละ 1.9 จากสัปดาห์ก่อน ถือเป็นผลดีกับการส่งออก โดยเฉพาะพืชผลทางการเกษตร ตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 1667.44 ลดลงจากความกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีนยังรุนแรงอยู่ ประกอบสถานการณ์ความขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน มีแนวโน้มยึดเยื้อ ขณะที่เศรษฐกิจต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ขยายตัวลดลง ร้อยละ 3.6 แต่ที่ยูโรโซนขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 5.0 ขณะที่ไต้หวันขยายตัวร้อยละ 3.1
“ทุกอย่างมันผูกพันกันไปหมด เพราะอยู่ห่วงโซ่เศรษฐกิจเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะกลุ่มไหน ภูมิภาคไหน มันยึดโยงไปทั้งหมด สินค้าเกษตรประจำสัปดาห์ที่ 4 ที่เพิ่มขึ้น ข้าวเปลือกเจ้านาปี ปาล์มทะลาย สุกรขุนพันธุ์ผสมมากกว่า 100 กิโลกรัม ไก่รุ่นพันธุ์เนื้อ ไข่สดคละ ราคาสูงขึ้น ก็ดีขึ้น แต่มีผลกระทบที่ภาคการผลิต วันนี้ให้แก้ปัญหาเรื่องอาหารสัตว์ เรื่องข้าวโพดก็ต้องรอฤดูกาลใหม่ แต่ช่วงนี้จะทำยังไงให้สินค้าไม่ขาด” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า พอใจตัวเลขการท่องเที่ยวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในขั้นต้นก็พอใจ เพราะมีการประเมินว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้แย่ไปกว่านี้ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ประเทศไทยน่าจะมีนักท่องเที่ยวได้ประมาณครึ่งหนึ่งกว่าที่ผ่านมา คือ 20 ล้านคน จาก 40 ล้านคน และยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือค่าเหยียบแผ่นดินเลย จะต้องดูความเหมาะสมว่าจะเก็บเมื่อไหร่ เพราะจะต้องนำเงินตรงนี้มาทำอย่างอื่นด้วย ส่วนจะเก็บเมื่อไหร่ค่อยไปว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ยังไม่มี
เมื่อถามว่า จะมีนักเที่ยวเข้ามาได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และตั้งเป้านักท่องเที่ยวเข้ามาปีนี้เท่าไหร่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าทำอย่างนี้ได้ ปีหน้าก็กลับมาได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คือ ประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งคนจะมาเที่ยวที่บ้านเราในช่วงไตรมาส 4 ก็ขอให้ช่วยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน