นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ว่า กระทรวงการการณ์ ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจ ขยายตัวร้อยละ 3.5 ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน ณ เดือนมกราคม 2565 ร้อยละ 4.0 เนื่องจากผลกระทบความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยชะลอตัว โดยเฉพาะสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา จึงกระทบให้ราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 อยู่ที่ร้อยละ 5.0 ต่อปี
โดยเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวได้จากปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 1.6 ต่อปี ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศ การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 4.3 ต่อปี ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้นหลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าไทย 6.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากจากปี 2564 ที่มีจำนวนเพียง 4 แสนคน ขณะที่การส่งออกสินค้า คาดว่าขยายตัวร้อยละ 6.0 ต่อปี
โฆษกกระทรวงการคลัง เพิ่มเติมว่า ปัจจัยกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คือ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนกระทบต่อราคาพลังงาน ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาด COVID-19 และอาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต ความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก เช่น การปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด จากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูง อาจทำให้เกิดการไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท ปัญหาข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply Disruption) เช่น การขาดแคลนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ จึงเป็นข้อจำกัดสำหรับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และความสามารถในการชำระหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังคงมีความเปราะบาง