xs
xsm
sm
md
lg

WHO จับตา"โอมิครอน"สายพันธุ์ย่อย "BA.4-BA.5"ระบาดเร็ว อาการรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงว่า ขณะนี้กำลังเฝ้าติดตามผู้ติดเชื้อ "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อยใหม่ 2 สายพันธุ์ คือ "BA.4" และ "BA.5" ว่าจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หรือก่อให้เกิดอาการของโรคโควิดที่รุนแรงไปมากกว่า "โอไมครอน" สายพันธุ์ย่อย "BA.1" และ "BA.2" ซึ่งกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้หรือไม่

จนถึงขณะนี้ WHO กำลังเฝ้าระวังโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยถึง 6 สายพันธุ์ (ยังไม่นับสายพันธุ์ลูกผสม) คือ BA.1, BA.1.1, BA.2, BA.3, BA.4 และ BA.5

สำหรับ BA.4 และ BA.5 รหัสพันธุกรรมใกล้เคียงกับโอมิครอน "BA.2" มาก มีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมไปจากโอมิครอน BA.2 เพียงประมาณ 2 ตำแหน่ง คือ L452R ที่ไปเหมือนกับเดลตา และ แลมป์ดา และ F486V ซึ่งไม่ค่อยเจอในสายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้ จึงจำเป็นต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิดเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบจากการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน

ทั้งนี้ ไวรัสโคโรนา 2019 มีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา แต่มีเพียง "การกลายพันธุ์บางตำแหน่งเท่านั้น" ที่สามารถส่งผลต่อความสามารถของไวรัสกลายพันธุ์ในการแพร่กระจายหรือหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาก่อนหน้าจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อตามธรรมชาติ รวมไปถึงเพิ่มความรุนแรงของโรคโควิด-19

กรณีของ BA.2 ซึ่งพบการติดเชื้อแพร่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ถึงร้อยละ 94 สามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็วเหนือกว่าไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้ แต่หลักฐานจนถึงตอนนี้ชี้ให้เห็นว่า BA.2 ไม่น่าจะทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้เหมือนเดลตา บีตา อัลฟา ในอดีต WHO รายงานว่าได้มีการสุ่มตรวจรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมไวรัสโคโรนา 2019 จากทั่วโลก สายพันธุ์ BA.4 พบ "83 ตัวอย่าง" สายพันธุ์ BA.5 พบ "37 ตัวอย่าง"

ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ช่วยกันอัปโหลดขึ้นบนฐานข้อมูลโควิด-19 โลก "GISAID" เป็นที่เรียบร้อย สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า พบ BA.4 ในแอฟริกาใต้ เดนมาร์ก บอตสวานา สกอตแลนด์ และอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม จนถึง 30 มีนาคม