นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลและรู้สึกยินดีที่บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยนายกรัฐมนตรี เห็นว่าการคงอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว สะท้อนความเชื่อมั่นของความเข้มแข็งด้านนโยบายการเงินการคลังที่รอบคอบของรัฐบาล พร้อมขอบคุณที่ฟิทช์ฯ เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี สืบเนื่องจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีกลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่เข้มแข็ง
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมทำงานอย่างเข้มแข็งเห็นผลอย่างชัดเจนจนเป็นที่ยอมรับ
นอกจากนี้ ฟิทช์ฯ ยังคาดการณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2565 ที่มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดยฟิทช์ฯ คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.5 เพราะมองว่ารัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนด้านการเงินการคลัง การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ การเพิ่มเพดานสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จากร้อยละ 60 เป็นร้อยละ 70 จะช่วยเพิ่มพื้นที่ทางการคลังเพื่อการลงทุนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม สำหรับภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ของไทย ฟิทช์ฯ ยังคงมองว่ามีความแข็งแกร่ง และคาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทยจะกลับมาเกินดุลที่ร้อยละ 0.8 ต่อ GDP และร้อยละ 3.5 ต่อ GDP ในปี 2565 และปี 2566 ตามลำดับ หลังจากขาดดุลที่ร้อยละ 2 ในปี 2564
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รายงานของฟิทช์ฯ สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลที่ดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลังอย่างรอบคอบ การกู้เงินเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และมีการดำเนินมาตรการทางการคลังอย่างมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากการได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19