นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564 มีทั้งสิ้น 165,353 คัน ซึ่งสูงสุดในรอบ 12 เดือน แต่ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2563 ร้อยละ 4.12 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ร้อยละ 7.35 เนื่องจากมีการผลิตเพื่อส่งออก จำนวน 90,112 คัน หรือร้อยละ 54.50 ของยอดการผลิตทั้งหมด
ส่วนเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2564 ผลิตเพื่อส่งออกจำนวน 878,938 คัน คิดเป็นร้อยละ 57.40 ของยอดการผลิตทั้งหมด 1,531,337 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 34.85
ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนพฤศจิกายน 2564 ผลิตได้ 75,241 คัน หรือร้อยละ 45.50 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2563 ร้อยละ 21.24
โดยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤศจิกายน 2564 มีทั้งสิ้น 71,716 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 3.2 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 11.25 สูงสุดในรอบ 8 เดือน เพราะประชาชนเชื่อมั่นรายได้ในอนาคตมากขึ้น จากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์เพิ่มขี้นเรื่อยๆ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น รวมถึงการเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าสำคัญที่เติบโต ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนพฤศจิกายน 2564 ส่งออกได้ 98,829 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 32.60 และเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม 2564 ร้อยละ 21.15 มีมูลค่าการส่งออก 57,737.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ร้อยละ 35.30 ซึ่งสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกตลาด เพราะประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะที่ส่งออกไปกว่าร้อยประเทศ จึงส่งออกได้เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากรถยนต์สำเร็จรูปแล้ว เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ก็ส่งออกเพิ่มขึ้นตามการผลิตรถยนต์ที่เติบโต ทำให้เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2564 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 857,887 คัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 28.55 มีมูลค่าการส่งออก 500,159.17 ล้านบาท