สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เผยแพร่ข้อความ พระดำรัสของ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564 ว่า
"อภิลักขิตสมัยคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันชาติ และเป็นวันพ่อแห่งชาติอีกด้วย จึงควรที่เราทั้งหลายผู้อาศัยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเป็นที่พึ่ง จักพึงน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และบำเพ็ญคุณงามความดี อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ผู้ทรงเปรียบประดุจบิดาแห่งอาณาประชาราษฎร
ธรรมะประการที่สองในทศพิธราชธรรม ซึ่งพึงหยิบยกมาพิจารณาให้ถี่ถ้วนนั้นได้แก่ "ศีล" คือการรักษากายและวาจาให้เป็นปรกติ สงบเรียบร้อย ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น ทรงมั่นคงในการรักษาพระราชจริยวัตรให้เป็นไปโดยปรกติ อ่อนโยน และงามสง่า ทรงเปี่ยมด้วยพระราชอัธยาศัยฝักใฝ่ไปในทางเอื้อเฟื้อเกื้อกูลประโยชน์สุขของปวงประชา ทรงอุดมด้วยพระราชวาจาสุภาษิต ประกอบด้วยข้อคิดคำสอน อันเป็นประทีปนำทางสังคมไทยให้ดำเนินไปสู่ความผาสุกสวัสดีทุกขณะ ทรงรักษาพระราชสัจจะไว้ได้อย่างมั่นคง ปราศจากมุสาวาท เหตุฉะนี้จึงทรงดำรงพระองค์อยู่อย่างสง่างามด้วย "ศีล" เป็นปรกติในการสั่งสมพระบารมีธรรม
เราทั้งหลายผู้เป็นไทย จึงควรเจริญรอยตามพระราชจริยาในรัชกาลที่ 9 ด้วยการรักษาศีล มีเบญจศีลเป็นอย่างน้อย คอยควบคุมกายและวาจาให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ อย่าใช้ไปในทางบั่นทอน ทำลาย หรือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ขอเราทั้งหลายจงคิด พูด และทำเฉพาะกิจอันปราศจากโทษ ด้วยปณิธานมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตน ซึ่งจะอำนวยผลเป็นความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองไทย สมพระบรมราชปณิธานในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ขออานุภาพแห่งคุณความดีที่สาธุชนทั้งหลายได้ร่วมกันบำเพ็ญ จงสำเร็จเป็นทิพยสุขแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นเครื่องพิทักษ์รักษาคุ้มครองประชาชาติไทยให้ประสบความเกษมสุขสวัสดี มีกำลังพรั่งพร้อมที่จะทำนุบำรุงราชอาณาจักรไทยให้วัฒนาสถาพรสืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ."
"อภิลักขิตสมัยคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันชาติ และเป็นวันพ่อแห่งชาติอีกด้วย จึงควรที่เราทั้งหลายผู้อาศัยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมเป็นที่พึ่ง จักพึงน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และบำเพ็ญคุณงามความดี อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ผู้ทรงเปรียบประดุจบิดาแห่งอาณาประชาราษฎร
ธรรมะประการที่สองในทศพิธราชธรรม ซึ่งพึงหยิบยกมาพิจารณาให้ถี่ถ้วนนั้นได้แก่ "ศีล" คือการรักษากายและวาจาให้เป็นปรกติ สงบเรียบร้อย ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น ทรงมั่นคงในการรักษาพระราชจริยวัตรให้เป็นไปโดยปรกติ อ่อนโยน และงามสง่า ทรงเปี่ยมด้วยพระราชอัธยาศัยฝักใฝ่ไปในทางเอื้อเฟื้อเกื้อกูลประโยชน์สุขของปวงประชา ทรงอุดมด้วยพระราชวาจาสุภาษิต ประกอบด้วยข้อคิดคำสอน อันเป็นประทีปนำทางสังคมไทยให้ดำเนินไปสู่ความผาสุกสวัสดีทุกขณะ ทรงรักษาพระราชสัจจะไว้ได้อย่างมั่นคง ปราศจากมุสาวาท เหตุฉะนี้จึงทรงดำรงพระองค์อยู่อย่างสง่างามด้วย "ศีล" เป็นปรกติในการสั่งสมพระบารมีธรรม
เราทั้งหลายผู้เป็นไทย จึงควรเจริญรอยตามพระราชจริยาในรัชกาลที่ 9 ด้วยการรักษาศีล มีเบญจศีลเป็นอย่างน้อย คอยควบคุมกายและวาจาให้เป็นไปในทางสร้างสรรค์ อย่าใช้ไปในทางบั่นทอน ทำลาย หรือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ขอเราทั้งหลายจงคิด พูด และทำเฉพาะกิจอันปราศจากโทษ ด้วยปณิธานมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนตน ซึ่งจะอำนวยผลเป็นความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองไทย สมพระบรมราชปณิธานในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ขออานุภาพแห่งคุณความดีที่สาธุชนทั้งหลายได้ร่วมกันบำเพ็ญ จงสำเร็จเป็นทิพยสุขแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นเครื่องพิทักษ์รักษาคุ้มครองประชาชาติไทยให้ประสบความเกษมสุขสวัสดี มีกำลังพรั่งพร้อมที่จะทำนุบำรุงราชอาณาจักรไทยให้วัฒนาสถาพรสืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ."