นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ปทุมวัน เข้าตรวจสอบสถานบริการ ร้าน TAPAS MUSIC BAR ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถนนพระราม 1 แขวงและเขตปทุมวัน ที่ฝ่าฝืนลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปล่อยให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการถึง 93 คน โดยไม่มีการเว้นระยะห่างตามข้อกำหนดของสาธารณสุข จึงดำเนินคดีกับผู้จัดการร้านในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และฝ่าฝืนลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนนักเที่ยวถูกดำเนินคดีข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ ว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนดังกล่าวมีโอกาสทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 อย่างสูง เนื่องจากไม่มีการเว้นระยะห่าง อีกทั้งยังมีการทำกิจกรรมร่วม ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และอยู่ในสถานที่ที่มีข้อจำกัดเรื่องระบบระบายอากาศ จึงอันตรายและสุ่มเสี่ยงมากที่จะซ้ำรอยกับผับทองหล่อที่เป็นต้นตอของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้
นายแพทย์ทวี กล่าวว่า กิจกรรมกิจการผับบาร์และสถานการณ์บันเทิง เป็นกลุ่มที่ภาครัฐเป็นกังวลว่าจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ แต่ที่เตรียมจะผ่อนคลายให้ ก็เพื่อให้กิจการหาเลี้ยงชีพได้ เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ฉะนั้นพฤติกรรมของกลุ่มคนที่การ์ดตก ไม่ช่วยป้องกัน ไม่รับผิดชอบต่อสังคม จะยิ่งสร้างความเสียหาย ทำให้ส่วนรวมเดือดร้อนไปด้วย และหากมีการระบาดเป็นคลัสเตอร์ หรือกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ขึ้นมา ก็อาจมีผลต่อการพิจารณาเปิดประเทศของรัฐบาล ที่จะเริ่มเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ แล้ว ฉะนั้นทุกคน ทุกกลุ่ม ควรช่วยกันป้องกันไม่ให้โควิด-19 กลับมาระบาดหนักในไทยอีก
นายแพทย์ทวี ย้ำว่า เราจะต้องปรับตัวอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ ถึงเวลาแล้วที่ไทยจำเป็นจะต้องกลับมาเปิดประเทศเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินต่อไปได้ เนื่องจากตอนนี้ประชาชนที่มีรายได้น้อยเดือดร้อนอย่างมาก อีกทั้งก่อนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามายังไทยได้ จะต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 มาแล้ว1-2 ครั้ง โอกาสที่เชื้อจะเล็ดลอดเข้ามาจึงมีอัตราน้อยมาก พิสูจน์ได้จากพื้นที่นำร่อง "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" มีนักท่องเที่ยวต่างชาติติดเชื้อเพียง 0.2% หรือใน 1,000 คน จะเจอผู้ติดเชื้อเพียง 2 คนเท่านั้น และมีการตรวจสอบในพื้นที่แล้วด้วยว่ายังไม่มีกรณีที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินำเชื้อโควิด-19 มาติดคนไทยหรือคนไทยแพร่เชื้อไปสู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่สามารถกลับเป็นศูนย์ได้อีกแล้ว เรายังคงต้องมีตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ แต่ขอให้อยู่ในระดับที่ระบบการแพทย์และสาธารสุขรับมือได้ก็พอ ซึ่งขณะนี้อัตราการติดเชื้อ ป่วยหนัก และเสียชีวิต ก็ลดลงตามลำดับ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในโลก ที่ไม่มีที่ใดตั้งเป้าว่าจะกลับไปมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์ได้แล้ว นอกจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรพร้อม จึงยังเข้มงวดอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ หากจะกลับเข้าประเทศได้ก็จะต้องกักตัวอย่างน้อย 21 วัน ฉะนั้นชาวจีนส่วนใหญ่จึงยังไม่ค่อยเดินทางออกนอกประเทศ เพราะมีความยุ่งยาก และเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวจีนซึ่งถือว่าเป็นเค้กชิ้นใหญ่ ประเทศต่างๆ จึงพุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวจากยุโรป ญี่ปุ่น หรือเกาหลีเป็นหลัก ทำให้ส่วนแบ่งตลาดมีน้อย ต้องแย่งกัน จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ไทยเราต้องเปิดประเทศ มิเช่นนั้นระบบเศรษฐกิจก็จะเดินต่อลำบาก