พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) ร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเพื่อส่งเสริมให้ SMEs มีความเข้มแข็ง โดยแบ่งกลุ่มการให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมคือ กลุ่ม SMEs เดิมที่มีความเข้มแข็ง หาก SMEs มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ที่จะสร้างรายได้ ก็จะมีมาตรการเชิงภาษีให้ความช่วยเหลือกับ SMEs ในกลุ่มนี้ เพื่อช่วยเร่งรัดเรื่องการวิจัยและพัฒนาที่นำมาสู่การผลิตให้มีมากขึ้น
กลุ่ม SMEs ที่มีการดำรงสภาพการจ้างงาน มีรายได้พอเพียง แต่กำไรไม่มากนัก ต้องหาแนวทางให้ดำรงสภาพการจ้างงานต่อไปได้ และกลุ่ม SMEs ที่มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ที่ต้องหาแนวทางช่วยเหลือส่งเสริม
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าการจัดทำ SMEs Big Data/SMEs Master Data และโครงการนำร่อง ONE ID และพัฒนาระบบ Single Sign On ฐานข้อมูลสมาชิกของ สสว. เพื่อขอรับบริการจากภาครัฐ ปี 2564 (One Identification One SMEs – Phase I) รวมทั้งรับทราบรายงานความคืบหน้าการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งผลการขึ้นทะเบียน ณ 29 กันยายน 2564 SMEs 10 จังหวัดที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ นนทบุรี นครราชสีมา ปทุมธานี สงขลา ชลบุรี ขอนแก่น เชียงราย และสมุทรปราการ โดย SMEs ที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ทั้งนิติบุคคล บุคคลธรรมดา และวิสาหกิจชุมชน รวมประมาณ 1 แสนราย มีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างรวม 551,306 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินงานระยะต่อไป ในปีงบประมาณ 2565 สสว. จะจัดให้มีโครงการพัฒนาคุณภาพ มาตรฐาน สินค้า/บริการสำหรับผู้ประกอบการ SMEs และจะมีการต่อยอดมาตรการ/นโยบาย เช่น การจัดซื้อจัดจ้างภาคเอกชน (corporate procurement) การลดหลักประกันสัญญา/หลักประกันซอง การเข้าถึงเงินทุน (สินเชื่อคู่ค้าภาครัฐ สินเชื่อแฟคตอริ่ง) การกำหนดโจทย์การผลิตล่วงหน้า และการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า