นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2563 ความเป็นรัฐมนตรีของนายสมคิด จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2563 ตามความในม.170(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 แล้วนั้น
แต่เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกประกาศ เมื่อ 19 ก.พ.2563 เรื่อง กำหนดตำแหน่ง ซึ่งต้องห้ามมิให้ดำเนินการตาม ม.127 พ.ศ. 2563 โดยกำหนดผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองห้ามมิให้ดำเนินการตาม ม.126 (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ภายในสองปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
โดยใน (4) ของ ม.126 ประกอบ ม.127 กำหนดว่า ห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมิให้ดำเนินการเข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการที่ปรึกษาตัวแทนพนักงานหรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชน ซึ่งอยู่ภายใต้การกํากับดูแลควบคุมหรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้น อาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์ทางราชการหรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้น ภายในสองปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง
แต่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า นายสมคิด แม่ทัพ ครม.เศรษฐกิจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หลังจากขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว กลับปรากฏไปดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามม.126 (4) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ภายในสองปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึง 2 ปีตามที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใด อันอาจถือได้ว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมหลักฐานไปยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.ในวันที่ 4 ต.ค.64 เวลา 10.00 น. เพื่อขอให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนว่าการกระทําดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายข้างต้นและถือว่าเป็นการกระทําความผิด ต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมหรือไม่ต่อไป